Site icon UFA6556 เว็บแทงบอลออนไลน์ ครบวงจร

FIFA World Cup Trophy หลักฐานของการเป็น ที่หนึ่ง แห่งโลกฟุตบอล

FIFA World Cup Trophy หลักฐานของการเป็น ที่หนึ่ง แห่งโลกฟุตบอล

     หลังจากกการคว้าแชมป์โลก สามสมัย ของทีมชาติบราซิล และกลายเป็น “แชมป์โลก” ที่ได้รับ ถ้วยรางวัล “จูลส์ ริเมส์” หรือถ้วยแชมป์ ฟุตบอลโลก ถ้วยแรกไปครอบครองอย่างถาวร ดังนั้น ฟีฟ่า จึงต้องมีการออกแบบ “ถ้วยแชมป์โลก” ใหม่ขึ้นมา เพื่อใช้งานในฟุตบอลโลก 1974 ที่ประเทศเยอรมันตะวันตก (ณ.เวลานั้น)

     หลังจากทำการคัดเลือกอยู่นาน จากการส่งเข้าประกวดแบบของถ้วยแชมป์โลก มากถึง 53 คนด้วยกัน ก่อนที่ในที่สุด ฟีฟ่า ได้ทำการเลือก ซิลวิโอ กาซซานิก้า ประติมากรชาวอิตาลี เป็นผู้ออกแบบ “ถ้วยแชมป์โลก” ใหม่ขึ้น พร้อมกับตั้งชื่อว่า “ถ้วย ฟีฟ่า เวิล์ด คัพ” (FIFA World Cup Trophy)

     กับดีไซน์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น กับความงดงามของ ทองคำ 18 กะรัต และฐานมีเส้นสีเขียวสองเส้น ที่ทำจากมรกต วงรอบถ้วยแชมป์โลก พร้อมสลักคำว่า FIFA WORLD CUP โดยถ้วยมีการ ออกแบบให้เหมือนกับ นักกีฬา สองคน หันหลังให้กัน และแบก “โลก” ทั้งใบ เอาไว้ โดยถ้วยมีน้ำหนัก 6.17 กิโลกรัม โดยมีการประเมินราคาในวันที่สร้างถ้วยใบนี้ขึ้นในปี 1971 อยู่ที่ประมาณ 400,000 เหรียญสหรัฐ และในเวลานี้ มันประเมินค่าไม่ได้ไปเรียบร้อยแล้ว จากประวัติศาสตร์ของ ฟุตบอล ระดับชาติ ผ่านถ้วยใบนี้ที่มีอายุมากกว่า40 ปี

     จากปี 1974 ฟุตบอลโลกบนดินแดน “อินทรีเหล็ก” พวกเขาไม่ปล่อยให้ใครได้ชูถ้วย แชมป์โลกใหม่นี้ ได้ นอกจากตัวพวกเขาเอง “ไกเซอร์” ฟร้านซ์ เบคเค่นบาวเออร์ คือ นักเตะ คนแรก ที่ได้รับการจารึกว่า คือคนแรก ที่ได้ชูถ้วย แชมป์โลก นี้ หลังจาก เยอรมันตะวันตก เอาชนะ “จักรพรรดิไร้มงกุฏ” เนเธอร์แลนด์  ในรอบชิงชนะเลิศ ณ.สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงมิวนิค

     นับจากนั้นเป็นต้นมา มีเพียง 6 ประเทศเท่านั้น ที่ได้มีโอกาส ชูถ้วย FIFA WORLD CUP TROPHY ใบนี้ ประกอบไปด้วย เยอรมัน, อาร์เจนติน่า, อิตาลี, บราซิล, ฝรั่งเศส และสเปน ซึ่งหากรวมทุกชาติที่เคยเป็นแชมป์โลกมาแล้วจะมีทั้งหมด 8 ชาติ โดยอีกสองชาติที่เหลือคือ อุรุกวัย และ อังกฤษ

ถ้วย FIFA ใครเป็นเจ้าของ

    ฟีฟ่า ได้ทำการกำหนดอย่างชัดเจนว่า จะไม่มี ประเทศไหน ได้ถ้วยแชมป์ใบนี้ ไว้ในครอบครอง เป็นการถาวร เหมือนในถ้วย “จูลส์ ริเมส์”ซึ่ง บราซิล ได้รับไว้เป็นการถาวร โดยถ้วย FIFA WORLD CUP TROPHY คือสมบัติของ ฟีฟ่า แต่เพียงผู้เดียว เท่านั้น

     บราซิล คือแชมป์โลก มากที่สุดในวงการฟุตบอล ด้วยจำนวน 5 ครั้ง แต่ถ้านับเฉพาะ ทีมที่ได้ชูถ้วย FIFA WORLD CUP TROPHY มากที่สุด คือ เยอรมัน กับการคว้าแชมป์ 3 จาก 4 ครั้ง ภายใต้การใช้งาน ถ้วยแชมป์โลกนี้ (1954, 1974, 1990, 2014) และยังคงเป็นเจ้าของสถิติ เข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก มากที่สุด ด้วยจำนวน 8 ครั้ง

     ทั้งนี้เพื่อเป็นการ ป้องกันการสูญหาย แบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้น ฟีฟ่า จึงกำหนดให้ ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ทีมแชมป์โลก จะได้รับการชูถ้วย “จริง” เป็นการฉลองชัยชนะ แต่หลังจากนั้น ทีมแชมป์โลก จะได้รับ ถ้วยแชมป์โลก “จำลอง” กลับไปยังประเทศของตนเอง เพื่อทำการเฉลิมฉลองชัยชนะ และจะได้รับการถือครองเอาไว้เป็นเวลา 4 ปี จนกว่าจะถึง ฟุตบอลโลก ครั้งต่อไป

     สำหรับถ้วยใบจริง จะมีการเก็บรักษาไว้ที่ สำนักงานของฟีฟ่า อย่างไรก็ตามในระยะหลัง เพื่อเป็นการ โปรโมท ทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก ดังนั้นเราจึงจะได้เห็น ถ้วยใบนี้ เดินทางไปทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทย ถ้วยแชมป์โลก ก็เคยเดินทางมาให้แฟนบอลชาวไทย ได้รับชมกันแล้วหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือในช่วงก่อน ฟุตบอลโลก 2018 จะเริ่มต้นขึ้น

     โดย ถ้วย FIFA WORLD CUP TROPHY ได้มีการสลักชื่อของ ชาติ ที่ได้ แชมป์โลก เอาไว้ที่ใต้ฐานของถ้วย โดยมีการระบุไว้ตั้งแต่ปี 1974 เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงในปัจจุบัน มีการระบุว่า “พื้นที่” ในการสลักชื่อใต้ฐานถ้วย จะสามารถรองรับการสลักชื่อได้จนถึงปี 2038 เท่านั้น และ ยังไม่มีความแน่ชัดว่า ฟีฟ่า จะมีการเปลี่ยนรูปแบบของ ถ้วยแชมป์โลก อีกครั้งหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไปในอนาคต อีก 18 ปี ข้างหน้า

     “แม้ว่าผมจะประสบความสำเร็จอะไรมาแล้วมากมาย แต่ช่วงเวลานั้นผมก็เพิ่งผ่านสิ่งที่เลวร้ายมาในชีวิตของผม ผมเสีย ดานี่ ฆาร์เก้ เพื่อนของผม (นักเตะเอสปันญ่อล เสียชีวิตในปี 2009) และผมเจอช่วงเวลาที่หดหู่ เป็นอย่างยิ่ง และฟุตบอลเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตของผมเอาไว้”

     “การที่ ทีมชาติสเปน สามารถคว้าแชมป์โลก ได้สำเร็จ มันเหมือนเป็น ปลดแอก ความเศร้าเสียใจทั้งหมดที่ผมมี ออกไป และประตูชัยของผม ที่ทำได้ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010 ผมขออุทิศมันให้กับ ดานี่ ฆาร์เก้ เพื่อนรักของผม” อันเดรียส อิเนียสต้า หนึ่งใน “แชมป์โลก” กล่าวเกี่ยวกับ ประสบการณ์ในการคว้าแชมป์โลก ในปี 2010 ของเขา กับชัยชนะของทีมชาติ สเปน เหนือ เนเธอร์แลนด์ ในรอบชิงชนะเลิศ ที่ประเทศ แอฟริกาใต้

     และนี่คือที่สุดของถ้วยรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลระดับชาติ ครั้งต่อไป เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ถ้วย รางวัลใด ในวงการฟุตบอล โปรดติดตามกันได้ใน ครั้งต่อไปครับ