ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

จากเด็กตัวเล็กสู่การเป็นสิงโตหนุ่ม “เอมิล สมิธ โรว์”

     เอมิล สมิธ โรว์ (21 ปี สัญญาถึงกลางปี 2026) กองกลางดาวรุ่ง อาร์เซนอล กำลังอยู่ในแสงไฟสปอตไลท์ของสื่ออังกฤษ เมื่อเขากลายเป็น นักเตะ คนเดียวในทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในรอบนี้ที่ไม่เคยถูกเรียกตัวมาก่อนเลย กับสองเกมสำคัญในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2022 ในเกมพบกับ อัลแบร์เนีย และ ซาน มาริโน่

 

     สมิธ โรว์ ผลงานกับปืนใหญ่ฟอร์มเยี่ยมมากตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลนี้ หลังจากเซ็นสัญญาใหม่ระยะยาวกับสโมสร พร้อมกับรับเสื้อหมายเลข 10 คนใหม่ของสโมสร โดยนับเป็นความสมหวังของนักเตะ หลังจากที่การเรียกติดทีมชาติก่อนหน้านี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ กล่าวยอมรับว่าเคยเกือบเรียกตัวเขามาร่วมงานด้วย ก่อนที่จะสุดท้ายจะเปลี่ยนใจ แม้กระทั่งในรอบนี้ การเรียกตัวครั้งแรกก็ไม่มีชื่อของเขาในรอบแรก ก่อนที่จะได้รับการเรียกตัวเมื่อ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ กองกลางกัปตันทีมเซาธ์แธมป์ตัน มีอาการป่วย และถอนตัวออกจากทีมไป จนทำให้โอกาสมาถึงเขาจนได้ และนั่นทำให้เกิดบทสัมภาษณ์ต่อจากนี้ หลังผ่านการซ้อมวันแรกกับ “สิงโตคำราม” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตั้งแต่วัยเด็ก เป็นเด็กที่ตัวเล็กมาก

     สมิธ โรว์ ยอมรับว่าสมัยเด็กเขาตัวเล็กมาก และเมื่อเติบโตขึ้นก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอาการ “ตามใจปาก” ไม่มีวินัยมากเท่าที่ควร ก่อนที่จะกลับตัวทัน และกลายมาเป็นอย่างทุกวันนี้

 

     “ผมไม่ใช่คนระวังเรื่องของการกินดื่มอะไรมาก ก่อนเกมผมต้องการสมาธิก่อนเกมเท่านั้น เมื่อก่อนผมชอบกินช็อคโกแลต และนันโด้ (แบรนด์ร้านไก่ย่างชื่อดังในอังกฤษ) เป็นอะไรที่ผมชอบมากเช่นกัน แต่ระยะหลังเป็นสิ่งที่ผมลดละเลิกทั้งหมด ผมพยายามอย่างมาก มันเป็นของชอบผม แต่มันก็ไม่ดีต่อนักกีฬาเท่าไร” สมิธ โรว์ ผู้ซึ่งยังคงอาศัยอยู่กับแม่ กล่าว

 

     “อาร์เซนอล เป็นสโมสรที่เข้มงวดในเรื่องของการดูและสุขภาพผู้เล่น แต่เมื่อก่อนผมไม่ค่อยใส่ใจมาก จนตอนหลังผมคิดว่ามันคือสิ่งที่ผิด ตอนนี้ผมทำทุกอย่างที่สโมสรบอกเลย ทุกวันนี้สโมสรมีการให้เชฟมาทำอาหารให้ผมทานที่บ้านเลย เขาชื่อว่า คริส จะมาที่บ้านผมทุกวัน เมื่อก่อนแม่ผมทำอาหารให้ผมทาน ตอนนี้กลายเป็นว่า ผมกับแม่กลายเป็นคนทานอย่างเดียวแล้ว”

 

     “ทุกวันนี้ผมทานพาสต้า และปลา ซึ่งเมื่อก่อนผมไม่เคยชอบปลาเลย แต่ตอนนี้ผมกลับชอบปลาแซลมอน ทานบ่อยครั้ง ต้องดื่มน้ำให้ถึงจำนวนที่เหมาะสม และมีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำ และควรทำก่อนเกมการแข่งขัน ผิดกับสมัยก่อนผมขี้เกียจมาก และมันทำให้ผมเติบโตอย่างมืออาชีพ”

 

     สมิธ โรว์ วัยเด็กเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลในทีมท้องถิ่น ก่อนที่จะเข้าสู่สโมสรอาร์เซนอล ในทีมเยาวชนตอนอายุ 10 ขวบ แต่ก่อนหน้านี้เขาเกือบกลายเป็น นักเตะ เยาวชนของเชลซี เมื่อได้รับเชิญไปร่วมทดสอบความสามารถกับทีม

พออายุ 15-16 ปี เขาได้รับข้อเสนอจาก สเปอร์ส

     “ตอนนั้นเพื่อนร่วมทีมผมคนหนึ่งได้รับการติดต่อจากเชลซี แต่แม่ผมดันรู้จักกับแมวมองที่มาจากเชลซี เลยมีการคุยกันเกี่ยวกับผม สุดท้ายผมก็ได้เอี่ยวไปกับเขาด้วย ตอนนั้นผมน่าจะอายุ 7-8 ปี ผมไปที่นั่นลงฝึกซ้อมอยู่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่ตอนนั้นผมตัวเล็กมาก ดูผอมกว่าคนอื่นเยอะ สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับทีมเท่าไรจนสุดท้ายผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะมาที่นี่ทำไม”

 

     “ต่อมาผมก็ได้รับข้อเสนอจาก อาร์เซนอล และแนวทางการเล่นของทีมที่เน้นการผ่านบอล เล่นร่วมกับคนอื่นก็ทำให้ผมสนุกกับมัน พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องของสภาพร่างกายของผมมากนัก และเมื่อผมเติบโตขึ้น ผมก็แกร่งขึ้นไปเรื่อย ๆ”

 

     พออายุ 15-16 ปี เขาได้รับข้อเสนอจาก สเปอร์ส แต่แน่นอนตอนนั้นเขาอยู่กับอาร์เซนอลมา 6 ปีแล้ว และเป้าหมายของเขาคือการลงเล่นกับ อาร์เซนอล ประสบความสำเร็จกับทีมให้จงได้ เพราะว่าสำหรับเขาแล้ว อาร์เซนอล คือทีมที่เขาติดตามการเล่นมาตลอด จากการดูตามพี่ชายของเขา และได้เห็นการเล่นของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ หรือว่า เธียร์รี่ อองรี และเหล่าสตาร์ดาวดังของทีมลงเล่นในเวลานั้น

 

“สเปอร์ส สนในตัวผมแต่ผมเป็นแฟนบอลอาร์เซนอลแล้ว แม้ว่าพ่อผมจะเชียร์ผมมากให้ย้ายไปที่ สเปอร์ส ก็เพราะเขาเป็นแฟนบอลสเปอร์ส”

 

     สมิธ โรว์ ใช้วลาประมาณ 8 ปีในทีมเยาวชนอาร์เซนอล เข้าขึ้นชั้นมาตามลำดับช่วงอายุ และเริ่มมา “เล่นข้ามรุ่น” ในช่วงสุดท้ายก่อนขึ้นทีมชุดใหญ่ ในขณะที่กับทีมชาติอังกฤษ เขาก็ได้รับเลือกติดทุกชุดเรื่อยมา โดยไฮไลท์ของเขาคือตอนปี 2017 เขาลงเล่นในทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี ในทัวร์นาเมนต์ยูโรชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี ซึ่งจบด้วยการเป็นรองแชมป์รายการนั้นกับความพ่ายแพ้ สเปน อย่างไรก็ตาม 5 เดือนต่อมา ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของทีมชาติชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี อังกฤษ จะเอาคืนสเปนในเกมรอบชิงชนะเลิศด้วยการถล่มไป 5-2 คว้าแชมป์โลกชุดอายต่ำกว่า 17 ปี ได้เป็นครั้งแรกของประเทศ

ก้าวขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซนอล

     ในปี 2018 เขาก้าวขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซนอล ในยุคของ อูไน อเมรี่ ก่อนที่ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังจะถูกส่งตัวไปเล่นกับ อาร์เบ ไลป์ซิค สโมสรใน บุนเดสลีกา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเจอกับอาการบาดเจ็บรบกวนจนลงเล่นไป 26 นาทีตลอดระยะเวลาที่นั่น แลกมากับประสบการณ์มากมายที่ได้จากเยอรมัน ก่อนที่ปีต่อมาจะย้ายแบบยืมตัวอีกครั้งกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ซึ่งคราวนี้เขาลงเล่นไปมากถึง 19 เกม และทีมต้องการเซ็นสัญญาถาวรกับเขา ซึ่งแน่นอนว่า อาร์เซนอล ปฏิเสธทุกข้อเสนอ

 

     “ไลป์ซิค เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก ผมต้องย้ายไปเยอรมันคนเดียว มันลำบากสำหรับคนที่อยู่กับครอบครัวมาตลอดชีวิต ผมทำงานคนเดียว ไม่รู้จักใครมากนัก แต่ผมก็เตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว และผมไม่เสียใจเลยที่เลือกไปที่นั่น ผมได้เรียนรู้ ได้เจอประสบการณ์ใหม่ที่ต่างออกไป ภาษาใหม่ เพื่อนร่วมทีม และโค้ชใหม่หมด ผมคิดว่าผมโตขึ้นมากกับช่วงเวลาที่นั่น”

 

     26 ธันวาคม 2020 จะเป็นวันที่ เอมิล สมิธ โรว์ จดจำไม่ลืมตลอดไป เพราะ มิเคล อาร์เตต้า เลือกเขาลงสนามเป็นตัวจริงในเกมพบกับ เชลซี เป็นครั้งแรกในพรีเมียร์ ลีก และเขามี 65 นาทีที่น่าประทับใจให้ อาร์เซนอล เอาชนะไปได้ 3-1 ในเกมนั้น และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของเขา ทั้งการเป็นตัวหลักของทีม และการต่อสัญญาใหม่ที่เกิดขึ้น

 

     “ผมคิดว่าการเล่นฟุตบอลแบบไม่มีผู้ชมในตอนนั้นช่วยผมได้เยอะมาก ผมเป็นคนประหม่ามากเวลาอยู่กับคนจำนวนมาก ก่อนเกมผมก็ยังคงรู้สึกแบบเดียวกัน แต่เกมนั้นไม่มีผู้ชม บรรยากาศไม่เหมือนเดิมกลับดีกับตัวผม แต่การประหม่าก็คือส่วนหนึ่งของขั้นตอนการพัฒนาของผม ตอนนี้มันก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ผมคิดว่าผมเริ่มชินกับเรื่องนี้แล้วล่ะ”

 

ที่เหลือก็มารอดูกันว่า สัปดาห์นี้เขาจะได้ตื่นเต้นก่อนเกมแบบนี้อีกหรือเปล่า ขึ้นกับว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะยื่นโอกาสให้เขาหรือไม่ ต้องติดตามกัน

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้