Site icon UFA6556 เว็บแทงบอลออนไลน์ ครบวงจร

เรื่องราวของ…ซาน อิเคร์

เรื่องราวของ…ซาน อิเคร์

     อิเคร์ การ์ซียาส คือนายทวารระดับตำนานของ เรอัล มาดริด เขาขึ้นสู่ชุดใหญ่ ในปี 1999 ผ่านการลงสนามมามากกว่า 725 นัด เป็นผู้เล่นที่รับใช้สโมสรมากที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 2 ตามหลัง ราอูล กอนซาเลซ ที่ลงทั้งหมด 741 นัด แค่คนเดียว

     แชมป์ ลาลีกา 5 สมัย, โกปา เดล เรย์ 2, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ,ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2 และสโมสรโลกอีก 2 และรางวัลส่วนตัวอีกมากมายนับไม่ถ้วน ที่เขาทำได้ภายใต้การค้าแข้งในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว  ตลอด 25 ปี ตั้งแต่สมัยเยาวชน

     เรียกได้ว่า การ์ซียาส คือตำนานที่แตะต้องไม่ได้คนหนึ่งของสโมสรเลยก็ว่าได้ ถึงขั้นว่าในปี 2008 เรอัล มาดริด มอบ สัญญาตลอดชีพให้เจ้าตัวเลยทีเดียว ซึ่งจะทำให้ เขา สามารถเป็น “one-club man” จะได้แขวนถุงมือแบบสวยงาม

     แต่เพราะอะไร จู่ๆ ชีวิตของ การ์ซียาสกลับดิ่งลงเหว จากสถานะตำนาน กลับโดนเฉดหัวทิ้งออกจากสโมสรดื้อๆ ไม่มีสแตนดิ้ง โอเวชั่น จากแฟนๆ ไม่มี เทสติโมเนียลแมตช์อะไรให้ทั้งนั้น มีเพียงแค่งานแถลงข่าวที่จัดขึ้นอย่างกระทันหัน ที่เจ้าตัวต้องให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา และทางสโมสร ก็ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ มาร่วมเป็นสักขีพยานเลยแม้แต่คนเดียว

จุดเริ่มต้นสองตำนาน

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากชายที่มีชื่อว่า “โชเซ่ มูรินโญ่” และ “ฟลอเรนติโน่ เปเรซ”

     ต้องย้อนไปก่อนว่า ในอดีต ก่อนที่ มูรินโญ่ จะขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมเต็มตัว เขาเคยทำงานเป็นล่ามให้กับ บ๊อบบี้ ร็อบสัน และหลุยส์ ฟาน กัล ที่บาร์เซโลน่า และตัว มูรินโญ่เอง ก็ฝันไว้ว่าสักวัน เขาอยากจะขึ้นเป็นนายใหญ่แห่ง ถิ่น คัมป์นู

     และแล้วโอกาสของ มูรินโญ่ก็มาถึง หลังจากสร้างสมชื่อเสียงมาพอสมควรกับ ปอร์โต้และ เชลซี กุนซือชาวโปรตุกีสลาออกจากการเป็นผูจัดการทีมของเชลซีในเดือนกันยายนปี 2007 และยังว่างงาน ประจวบเหมาะกับการที่บาร์ซ่า กำลังเข้าสู่ยุคถ่ายเลือดใหม่ กำลังจะแยกทางกับ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ที่คงเข็นทีมไปได้ไม่ไกลกว่านี้อีกแล้ว นั่นทำให้ มูรินโญ่รีบส่ง โปรไฟล์ไปเสนอกับ มาร์ค อิงกลา รองประธานสโมสร และ ซิกี้ เบกิริสไตน์ ผอ.กีฬา ของ บาร์ซ่า ในตอนนั้น โดย มูรินโญ่ ทำพาวเวอร์พอยต์มาเป็นอย่างดี เพื่อพรีเซนต์ว่า เขาจะช่วยยกระดับ บาร์เซโลน่าอย่างไร และมีการพูดคุยกันถึง สามชั่วโมงเต็มๆ

     แต่สุดท้าย บาร์เซโลน่าตัดสินใจ หั่นชื่อมูรินโญ่ทิ้ง จากคำแนะนำของ โยฮัน ครัฟฟ์ เพราะไม่ชอบสไตล์การเล่นเกมรับของมูรินโญ่ และ เบกิริสไตน์ก็ไม่ชอบอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเจ้าตัวในห้องแถลงข่าว เมื่อบวกกับที่ มาร์ค อินกลา ก็ไม่ค่อยชอบบุคลิกของ มูรินโญ่อยู่เหมือนกัน นั่นทำให้พวกเขาตัดสินใจจะไม่เลือกกุนซือแดนฝอยทองคนนี้ และตัดสินใจดัน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่คุม บาร์เซโลน่า บี อยู่ในตอนนั้น และไม่เคยมีประสบการณ์ในการคุมทีมชุดใหญ่มาก่อนเลยแทน นั่นทำให้ มูรินโญ่เจ็บใจเป็นอย่างมาก

ผ่านไปสองปี เหมือนชะตาฟ้าลิขิตเอาไว้แล้ว มูรินโญ่กลับมายังแดนกระทิงดุอีกครั้ง คราวนี้มาในคราบของ ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ “เรอัล มาดริด”

     โชเซ่ มูรินโญ่ที่มีความแค้นส่วนตัวกับบาร์เซโลน่าอยู่แล้ว จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามารับงาน นายใหญ่ของ เรอัล มาดริด และสงคราม เอล กลาสิโก้ ในช่วงหลังจากนี้ จะทวีคูณมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว จากการมาของ มูรินโญ่

     มูรินโญ่พาทีมออกสตาร์ทในฤดูกาล 2010/2011 อย่างสวยงาม 12 เกมแรก พวกเขาเก็บได้ 32 แต้ม ยังไม่แพ้ใคร เป็นจ่าฝูงของลีก แต่ในเกมที่ 13 ของฤดูกาล พวกเขาต้องออกไปเยือน บาร์เซโลน่า ที่ คัมป์นู โดย บาร์ซ่าก็แกร่งไม่แพ้กัน มีคะแนนตามหลัง จ่าฝูงอยู่แค่คะแนนเดียว

     เกมนี้มีความหมายเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ทั้งสองทีมสูสีกันแบบนี้ ผลแพ้ชนะ อาจตัดสินแชมป์ในบั้นปลายได้เลย นั่นทำให้ มูรินโญ่ ซักซ้อมแผนพิเศษมาเป็นอย่างดี เพื่อรับมือลูกทีมของ กวาร์ดิโอล่าโดยเฉพาะ หมายมั่นปั้นมือว่าจะโค่น บาร์เซโลน่าให้ได้

โดยแผนที่ว่านั้นคือ การจับเอาเปเป้ซึ่งปกติจะยืนเป็นเซนเตอร์แบ็ค มาเล่นแบบ “man-marking” ตามประกบติด ลิโอเนล เมสซี่ แบบเป็นเงาตามตัว

จุดเปลี่ยน

     ทว่าก่อนเกมจะเริ่มแค่ 1 วัน แท็คติคพิเศษของมูรินโญ่ ที่เตรียมใช้เปเป้ ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรับเพื่อคอยตามไล่บี เมสซี่นั้น กลับหลุดออกไปถึงสื่อในสเปน ซึ่งเมื่อมันหลุดออกไปแล้ว อาจทำให้ทางฝั่งบาร์ซ่าที่รู้ตัวก่อนแข่ง อาจจะหาทางแก้เกมนี้ได้ มูรินโญ่ก็เลยเลือกที่จะไม่ใช้แผนนี้และจำเป็นต้องปรับแผนใหม่อย่างกระทันหัน

     ด้วยความที่แผนที่ซ้อมกันมาเป็นอย่างดี ร่วมๆ 1 สัปดาห์ กลับไม่ได้ใช้ และต้องมาปรับแผนใหม่ก่อนเกมแค่ 1 วัน กับการเจอทีมที่ คุณภาพคับแก้วอย่าง บาร์เซโลน่า ผลคือ ลูกทีมของกวาร์ดิโอล่า เปิดบ้านไล่ยำ เรอัล มาดริดแบบกลับบ้านไม่ถูก ด้วย สกอร์ 5-0 โดยในจังหวะที่ บาร์ซ่าทำประตูลูกที่ 5 ได้ ปิเก้กูชูมือห้านิ้วให้กับแฟนๆ และทางฝั่งแฟนๆกูชูห้านิ้วกลับมาให้ ปิเก้ เป็นการเย้ยหยัน อย่างเจ็บแสบ โดยที่ผู้เล่นของ เรอัล มาดริด ได้แต่ยืนกัดฟัน ทำอะไรกันไม่ได้เลย

     ความพ่ายแพ้ต่อ บาร์เซโลน่าในเกมนี้ ทำให้ มูรินโญ่ เจ็บแค้นเป็นอย่างมาก โอเคล่ะ การแพ้ย่อยยับก็เจ็บปวดพอแล้ว แต่ดันมามีเรื่อง แท็คติคที่รั่วไหลออกไปอีก ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ซึ่งคนที่ มูรินโญ่มีความเคลือบแคลงสงสัยว่าจะเป็น “ไส้ศึก” ของทีม หนึ่งในนั้นคือ อิเคร์ การ์ซียาส จากการที่เจ้าตัวมีความสนิทสนมกับนักข่าวมากเป็นพิเศษจากการที่มีแฟนสาวชื่อว่า ซารา การ์โบเนโร ที่เป็นนักข่าวกีฬาของสเปน

     สุดท้ายจบฤดูกาลนั้น บาร์ซ่าคว้ามแชมป์ลาลีกาไปครอง ด้วยการเก็บไป 96 แต้ม ขณะที่รองแชมป์อย่าง เรอัล มาดริดมี 92 แต้ม ซึ่งก็น่าคิดเหมือนกันว่า หากแท็คติคของ มูรินโญ่ ไม่รั่วไหล กุนซือจอมอหังการผู้นี้อาจจะพาลูกทีมคว้าสามแต้มในเกมนั้นได้หรือไม่ และแชมป์อาจจะตกเป็นของฝั่ง เรอัล มาดริด แทน

อีกเหตุการณ์ที่ทำให้ มูรินโญ่ เกิดความเคลือบแคลงใจในตัว การ์ซียาส เป็นการเจอกับบาร์เซโลน่าอีกเช่นเคย

     โดยคราวนี้เป็นการเจอกันในรายการ สแปนิช ซูเปอร์คัพ ที่เป็นการเล่นแบบ เหย้า-เยือน โดยเกมจบลงที่ บาร์ซ่า ชนะ 5-4 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ  แต่สิ่งที่น่าสนใจของเกมไม่ใช่ผลแพ้ชนะ แต่อยู่ในช่วงท้ายเกมที่สอง ที่มาร์เซโล่ กระโดดเสียบสองขาใส่ เชส ฟาเบรกัส ผู้ตัดสิบให้ใบแดงแก่ ฟูลแบ็คบราซิเลียนทันที ซึ่งทั้งสองทีมต่างกรูเข้ามามีเรื่องกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด เป็นเหตุให้ ดาบิด บีญ่า และ เมซุตโอซิล โดนไล่ออกตามไปด้วย

     ความเดือดดาลระหว่างการเจอกันของสองทีมนี้ที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เป็นสาเหตุที่ทำให อิเคร์ กาซียาส ไม่สบายใจ ด้วยความที่ตัวเขาเป็นกัปตันของทีมชาติสเปน ที่เตรียมลงป้องกันแชมป์ในศึกยูโร ของซัมเมอร์ที่จะมาถึง หากตัวหลักของทีมชาติ ยังฟัดกันเองอยู่แบบนี้ บรรยากาศในแคมป์ทีมชาติจะเป็นอย่างไร และด้วยสภาพแบบนี้ คงไม่มีทางที่จะป้องกันแชมป์ได้หรอก

     นั่นทำให้หลังจบการศึกครั้งนั้น การ์ซียาส ตัดสินใจโทรหา ชาบี เอร์นันเดซและ การ์เลส ปูโยล เพื่อปรับความเข้าใจในเรื่องต่างๆ

     นั่นเป็นสิ่งที่ขัดใจ ทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ และ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เป็นอย่างมาก เมื่อบวกกับจากเหตุการณ์แรก ที่มูรินโญ่ สงสัยในตัว การ์ซียาสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เขาคิดว่า น่าจะเป็นการ์ซียาสนี่ล่ะ ที่เป็น หนอนบ่อนไส้ของทีม ขณะที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก็ไม่พอใจที่ นายทวารรายนี้ ไปญาติดีกับทางฝั่งของนักเตะ บาร์เซโลน่า

     แต่จากการที่ หลังจบฤดูกาลนั้น มาดริด ทำผลงานได้ดีจนสามารถคว้าแชมป์ ลาลีกา ได้สำเร็จ ทั้งสองจึงยังไม่มีท่าทีอะไร

     แต่พอเข้าสู่ฤดูกาล 2012/2013 ฟอร์มของ เรอัล มาดริด แย่ลงอย่างไม่มีสาเหตุ ซึ่งมันทำให้ มูรินโญ่ มีความรู้สึกว่า มีนักเตะบางคนภายในทีม พยายามจะเลื่อยขาเก้าอี้ของเขา

    และจากประวัติที่ผ่านๆมา นั่นทำให้ มูรินโญ่ ปักใจเชื่อ 100% ว่า คนๆนั้นต้องเป็น การ์ซียาส อย่างแน่นอน

การเอาคืน

     นั่นทำให้ มูรินโญ่ จัดการเอาคืน ด้วยการ ดร็อป การ์ซียาส ดื้อๆ ทั้งๆที่ นายทวารทีมชาติสเปนรายนี้ ฟิตสมบูรณ์ดี และถึงแม้ว่า อันโตนิโอ อาดาน ที่ได้โอกาสลงเล่นแทน จะเล่นได้แย่ขนาดไหน การ์ซียาส ก็ยังคงไม่ถูกส่งลงเป็นตัวจริงอยู่ดี แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ ที่ไม่พอใจในการกระทำของ มูรินโญ่ที่ทำกับ ไอค่อน ของทีมแบบนี้ ก็ตามที

     หลังจากนั้น มูรินโญ่ ตัดสินใจ ซื้อ ดิเอโก้ โลเปซ จาก เซบีญ่า เข้ามายืนมือหนึ่งให้กับทีม ราชันชุดขาวเพิ่มอีกคน และ โลเปซ ก็เป็นมือหนึ่งของทีมไปจนจบฤดูกาล

บทสรุปของฤดูกาลนั้น เรอัล มาดริด จบฤดูกาลไปแบบมือเปล่า และ มูรินโญ่ ก็โดนไล่ออกเพื่อสังเวยความล้มเหลว ของฤดูกาลนี้

     “ผมน่าจะซื้อดีเอโก้ โลเปซ เข้ามาตั้งแต่ปีแรกที่คุม น่าเสียดายจริงๆ” นี่คือคำให้การของ มูรินโญ่  ในวันที่โดนไล่ออก

หลังการจากไป ของ มูรินโญ่ คนที่เข้ามาแทนคือ คาร์โล อันเชล็อตติ แต่สิ่งที่ มูรินโญ่ทิ้งเอาไว้ที่ มาดริด คือความสงสัยในตัว การ์ซียาส ที่มีต่อ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ

     3 ปีต่อมาภายใต้การคุมทีมของ อันเชล็อตติ ที่แม้จะพา มาดริด เป็นแชมป์ยุโรปได้ในฤดูกาล 2013/2014 แต่ฟอร์มโดยรวมในลีกย่ำแย่มาก นั่นทำให้ อันล็อตติ ถูกไล่ออกไปตามระเบียบ แต่สิ่งที่ตามมาคือ มันทำให้ เปเรซ คิดว่า ปัญหาของทีม คงไม่ใช่ มูรินโญ่ แล้วล่ะ มันคือ การ์ซียาส! นั่นทำให้ เปเรซ จัดการเขี่ย กัปตันทีม ที่รับใช้สโมสรมาอย่างยาวนานถึง 25 ปี พ้นทีม

     สุดท้ายเราไม่มีทางรู้เลยว่า สิ่งที่ มูรินโญ่ กับ เปเรซ คิดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่สำหรับผม ในฐานะแฟนบอล ที่ไม่ได้รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด จะขอจดจำ การ์ซียาส ว่าเป็นหนึ่งใน ผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของโลกตลอดกาลคนหนึ่ง เพียงเท่านั้น

ขอทิ้งท้ายด้วย ช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าว อำลา เรอัล มาดริด ของ  การ์ซียาส

     “ไม่ว่าผู้คนจะจดจำผมในฐานะผู้รักษาประตูที่ดีหรือแย่ เหนืออื่นใดผมอยากให้พวกเขาจดจำผมในฐานะคนที่ดีคนหนึ่งที่ยังทำเรื่องผิดพลาดได้เป็นธรรมดา ขอบคุณ ผมจะไม่มีวันลืมพวกคุณ และผมให้คำมั่นเลย ไม่ว่าะไปที่ไหน ผมจะตะโกนว่า Hala Madrid! เสมอ” อิเคร์ การ์ซียาส