ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

“หนึ่งเกมไม่ใช่หนึ่งฤดูกาล”

เรียกว่า “หัวร้อน” ไปตาม ๆ กัน สำหรับแฟนบอล อาร์เซนอล หลังจบเกมที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และต้องบอกว่า ผิดหวังยังน้อยไป กับสิ่งที่เกิดขึ้น

     ความพ่ายแพ้ 3-0 คาบ้านตนเองต่อ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในฟอร์มการเล่นวันไหนแบบไหน ก็เป็นเรื่องที่เห็นสกอร์แล้วก็ ยอมรับไม่ได้เลย ในทุกกรณี แต่ส่วนตัวผมมองว่า เกมนี้ “ทีมพยายามสู้” แต่ชั้นเชิง แท็คติก การเล่น และความมุ่งมั่นทำงานของ นักเตะ อาร์เซนอล สู้ได้แค่ 20 นาทีแรก หลังจากนั้น “สู้ไม่ได้เลย”

     ในส่วนของรายละเอียดการเล่นอย่างไร ขอไม่กล่าวถึง ไม่ได้มีความรู้ในเชิงแท็คติกมากขนาดจะมาเขียนเป็นชอต ๆ แต่จากสิ่งที่เห็น อาร์เซนอล กลายเป็นเล่น “ลิงชิงบอล” หลายจังหวะ บางจังหวะหลายนาที เปอร์เซ็นต์การครองบอล ห่างกันแบบลิบลับ จังหวะการยิงทั้งเกม สิริรวม 2 ครั้ง และหวังผลไม่ได้ทั้งสองครั้งเสียด้วย เทียบกับเกมก่อนเจอกับ เวสต์แฮม แล้ว คนละเรื่อง

ความพ่ายแพ้ในเกมแต่ละเกม มักจะมีจุดผิดพลาดเกิดขึ้น

     สิ่งที่เห็นอีกอย่างคือ ระบบทั้งระบบของ ลิเวอร์พูล ทำงานดีมาก การเพรสซิ่ง ไล่บอลตั้งแต่แดนหน้า เคลื่อนที่เร็ว เคลื่อนที่ทุกคน อาร์เซนอล ออกบอลสั้นยากมาก เจอบีบใส่ กว่าจะลำเลียงจากด้านหลังไปถึงด้านหน้า หลายครั้งก็ตายกลางทาง เสียบอลเรี่ยราด นั่นไม่ใช่ อาร์เซนอล ออกบอลแย่อย่างเดียว แต่ ลิเวอร์พูลทำงานหนักมากในการทำลายมันด้วย สุดท้าย ทำลายได้ ได้บอลคืน ทีนี้กลายเป็นบอลเบ็ดเสร็จ เดินหน้ามาเป็นลูป วนอยู่อย่างนี้ตลอด 70 นาทีที่เหลือ อาร์เตต้า และลูกทีมไม่สามารถแก้แท็คติกการเล่นตรงนี้ได้ สิ่งที่ค้ำจุน อาร์เซนอล อยู่คือเกมรับที่ยังไม่เสียประตู กาเบรียล มากัลเญส และ ร็อบ โฮลดิ้ง ทำงานหนักมาตลอดเกม สู้มาตลอด 64 นาที เจอกระทุ้ง กดดันใส่ทุกทิศทาง และพอเสียประตูแรกแล้ว สมาธิแตกทันที  ประตูที่สองการเข้าบอลพลาดของ กาเบรียล เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่า แนวรับสมาธิรวนไปแล้ว และอีกเช่นกันในประตูที่สามก็เหมือนของแถม จุดเริ่มต้นจากแนวรับวางบอลพลาด เมื่อคุณเล่นกับทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ในวันที่ “เครื่องจักรสีแดง” ทำงานเต็มประสิทธิภาพ โอกาสรอดแทบไม่มี

     ทัพหลังต้านทัพหน้าลิเวอร์พูล ทัพหน้าอาร์เซนอล กลับหาบอลไม่เจอในพื้นที่อันตราย โอบาเมยอง – ลากาแซตต์ – เปเป้ ได้บอลอยู่รอบนอกกรอบเขตโทษ ระยะห่างไม่ต่ำกว่า 30 หลา แทบตลอด ได้บอลแล้ว เชื่อมเกมได้แล้ว แต่เจาะไม่ได้ เพราะ ลิเวอร์พูล เพรสซิ่งใส่ ยืนประกบชิดทุกคนรอต้อนรับ ประหนึ่งหายใจรดต้นคอ แถมบางจังหวะ มือไม้ป่ายบ้าง เบียดบังจังหวะทำลายเกมไปเรื่อย

     ความพ่ายแพ้ในเกมแต่ละเกม มักจะมีจุดผิดพลาดเกิดขึ้นในเกมบ้างก็ ความผิดพลาดส่วนตัว ทำให้เกิดจุดเปลี่ยน แต่สำหรับเกมเมื่อวาน ส่วนตัวมองว่า อาร์เตต้า ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ในเรื่องของแท็คติกได้ นักเตะในสนาม ทำตามแท็คติกที่วางไว้ของโค้ช เมื่อใช้งานไม่ได้ และจะแก้ไขสถานการณ์หน้างานก็ไม่ได้ พอโค้ชแก้เกม ก็แก้ไม่ได้อีก แบบนี้แพ้แบบหมดรูปอย่างแท้จริง

ถ้าผลงานดี เขารักคุณ แต่หากผลงานแย่ เขาก็อาจจะ “รักน้อยลง”

     ในมุมของผมเอง…แฟนบอล อาร์เซนอล คนหนึ่ง ไม่ได้อยากจะมาหาคนผิดสักคนในเกมแบบนี้ แต่ถ้าเกิดจะต้องหาสักคนมาโดนบูชายัญ รับบาปนี้ อาร์เตต้า หนีไม่พ้นอยู่แล้ว เหมือนผู้จัดการทีมทุกคนเวลาทีมแพ้ ต้องเป็นด่านแรกที่ต้องรับไป (ยกเว้นบางเกมจะมีนักเตะในทีมพลาดแบบเข้าตาแฟนบอล อันนั้นก็อีกเรื่อง) การแพ้ “หนึ่งเกมนี้” จะถูกนำไปทดเอาไว้ เพื่อมาประเมินสถานการณ์เมื่อจบฤดูกาลกันอีกครั้ง

     สโมสรส่วนใหญ่ จะประเมินผลงานของโค้ช ด้วยสองกรณี 1. ผลงาน 2. สไตล์การเล่น ซึ่งเวลานี้ อาร์เตต้า มีบุญจาก เอฟเอ คัพ ปีที่แล้วหนึ่งรายการมาค้ำยันเก้าอี้ของตนเอง และกำลังลุ้นว่าจะมี ยูโรป้า ลีก มาช่วยค้ำได้อีกหรือไม่ ส่วนสไตล์การเล่น ต้องบอกว่าตอนนี้ระบบบการเล่นของเขาชัดเจน เล่นบ่อยที่สุดคือ 4-2-3-1 ถือว่ายังไม่ดีพอที่จะสร้างความน่าสนใจ หรือโดดเด่น จนถึงระดับที่ กวาร์ดิโอล่า หรือ คล็อปป์ ทำกับสโมสรของพวกเขาจนกลายเป็นสไตล์บอลที่ชัดเจนระดับ “ลายเซ็น” ขนาดนั้น สุดท้ายแล้วสองส่วนนี้จะเป็นส่วนถ่วงดุลกัน ว่า โค้ชแต่ละคนจะมีสถานะต่อไปอย่างไร

     แม้จะมีข่าวว่า อาร์เตต้า จะได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหาร อาร์เซนอล ต่อไป แต่ถ้าผลงานออกมาจบด้วยความว่างเปล่า สไตล์การเล่น ดูไม่ได้ อะไรก็ไม่แน่เสมอไป คล้ายกับตอนช่วง อูไน อเมรี่ ที่โดนปลดออกจากทีมไปในปี 2019 ส่วนใครจะได้โอกาสมากน้อย ก็ขึ้นกับว่า ดีชั่วอะไรเข้าตามากกว่ากัน เช่นเดียวกับ ความเชื่อมั่น และอดทนของ บอร์ดบริหารด้วย ส่วนแฟนบอล อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะศรัทธา นักเตะ หรือ โค้ช คนไหนได้นาน ถ้าผลงานดี เขารักคุณ แต่หากผลงานแย่ เขาก็อาจจะ “รักน้อยลง” บางคนอาจจะขับไล่ไปเลย พวกเขามองคุณที่ผลงานเท่านั้น

ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง

ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง

     “โอบา” เป็นหนึ่งในคนที่โดนวิจารณ์เยอะมากที่สุดในฤดูกาลนี้ เมื่อฟอร์มการเล่นของเขาถดถอยลงไปอย่างมาก ทั้งจำนวนประตู และความอันตรายของเขาเมื่อได้บอลกับเท้า ไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับเขาเลย ทั้งในสนามผลงานไม่ดี ส่วนนอกสนาม คนในครอบครัวมีปัญหาป่วยจาก โควิด-19 และทำให้เขาต้องหายไปจากไปพักใหญ่ เพื่อกลับไปดูแลครอบครัว ส่วนตัวมองว่า กับ นักเตะ ที่แบกมาตลอดสามปีกับทีม การฟอร์มตกในปีนี้ แม้จะไม่อยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นก็ควรได้รับโอกาสมากกว่าคนอื่น แต่ในทางเดียวกัน โอบาเมยอง ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเหมือนกันว่า โอกาสที่ได้มากกว่าคนอื่น มันจะช่วยให้เขากลับมาเป็น “เสือดำแห่งกาบอง” คนเดิมที่ยิงยังไงก็เข้า ไม่ใช่แบบวันนี้ที่เปลี่ยนทรงผมก็แล้ว แล้วผลงานยังไม่มีประตูเหมือนเดิม เช่นเดียวกับที่เป็นประเด็นแซวกันมาตลอดปี คือ นักเตะ อาร์เซนอล ต่อสัญญาใหม่ทีไร ฟอร์มมักจะบรรลัยสวนทางกับค่าแรงเสมอ โอบาเมยอง ก็เข้าข่ายนี้ไปเรียบร้อย

     การจบฤดูกาลนี้ อาร์เซนอล ไม่ได้ไปยุโรปเป็นปีแรกนับจากฤดูกาล 1995-1996 เป็นต้นมา จะไม่ใช่แค่เรื่องน่าอับอายเพียงอย่างเดียว แต่มันจะส่งผลอีกมากมายต่อสโมสรแห่งนี้ ในยุคที่เงิน คือหลอดเลือดใหญ่ ของการดำรงอยู่ของสโมสร รวมถึง ทิศทางของ อนาคตหลังจากนี้ของ นักเตะ หลายคนด้วยเช่นกัน

     ท้ายนี้ อาร์เซนอล แพ้เกมนี้แบบหมดรูป ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างมันจะจบ พวกเขายังเหลือเส้นทางในยูโรป้า ลีก ให้ต้องไปกันต่อ กลางสัปดาห์นี้ กับ สลาเวีย ปราก ในบ้านตนเอง รอบ 8 ทีมสุดท้ายกันแล้ว เส้นทางลัดสู่ แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังคงเป็นความหวังที่ยังคงทำให้ สองเดือนสุดท้ายของฤดูกาลนี้ ยังคงมีความหมาย…

 

ถ้าคว้าแชมป์ได้ทุกอย่างจบ ถ้าไม่ได้แชมป์ก็จบ (เห่) เหมือนกัน…จบแบบไหน ต้องรอติดตาม

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้