“ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก” เงินตรา หรือ เกียรติยศ

     ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด จะรับหน้าที่เป็นประธานจัดการแข่งขัน ซูเปอร์ ลีก เป็นคนแรก ขณะที่ อันเดรีย อันเญลลี่ ประธานสโมสร ยูเวนตุส และ โจเอล เกลเซอร์ ประธานสโมสรร่วมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งสองคนจะเข้ามารับงานเป็นรองประธานจัดการแข่งขัน ซูเปอร์ ลีก

     “เราจะช่วยเหลือฟุตบอลในทุกระดับ และนำพามันไปสู่ที่เหมาะที่ควร ฟุตบอลเป็นกีฬาชนิดเดียวในโลกที่มีผู้ติดตามมากกว่า 4,000 ล้านคน และในฐานะของสโมสรใหญ่ เรามีหน้าที่ในการตอบสนองความต้องการของพวกเขา” เปเรซ กล่าวในแถลงการณ์

ทำไมถึงเข้าร่วม “ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก”

แนวคิดของ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ไม่ใช่แนวคิดที่เกิดขึ้นในเวลาเพียง 1-2 ปี แต่หากใครจำกันได้ มันเคยมีการพูดถึงเรื่องนี้กันมาแล้วตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 20 กับการเลือกทีมใหญ่มาเล่นร่วมกันในลีกเดียวกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันก็ไม่เป็นเพียงแค่ข่าวที่ออกมาระยะหนึ่ง และ ยูฟ่า ในช่วงนั้นก็ออกมาพูดขู่เกี่ยวกับการแบนในลักษณะเดียวกัน

     อย่างไรก็ตามเรื่องของการก่อตั้ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก ก็ยังคงเป็นสิ่งที่พยายามกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่การระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้เกิดอัตราเร่งในการก่อตั้งเร็วขึ้น เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจของสโมสรทุกสโมสรทั่วโลกเสียหายอย่างรุนแรง ข้อมูลจาก Swiss Ramble ระบุว่า 12 สโมสรใหญ่ที่ประกาศการเข้าร่วมมีการสูญเสียรายได้ในฤดูกาลที่แล้วรวมกันมากกว่า 1.2 พันล้านปอนด์ (ไม่รวมลิเวอร์พูล ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมาอย่างเป็นทางการ) แต่นั่นไม่เท่ากับเรื่องของการ “การันตีรายได้” ที่จะเกิดขึ้น

     ในเบื้องต้น การก่อตั้ง ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ ลีก มีการเปิดเผยว่า มีการใช้งบประมาณอยู่ที่มากกว่า 3,000 ล้านปอนด์ในลักษณะของกองทุน และทุกทีมที่ก่อตั้งจะได้รับเงินมหาศาลในการสนับสนุนในการลงทุน และจัดการภายในองค์กร ซึ่งทุกสโมสรต่างสูญเสียรายได้มาจากช่วงการระบาดของไวรัส โควิด-19 ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยจะมีการจัดสรรเงินปันส่วนกันไปโดยต่ำสุดทีมจะอยู่ที่ประมาณ 90 ล้านปอนด์  สำหรับในส่วนของเงินรางวัล จะมีการการันตีเงินสำหรับการเข้าร่วมอยู่ที่ประมาณ 120-130 ล้านปอนด์ ซึ่งเพียงแค่เข้าร่วมก็ได้เงินมากกว่าการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว

     ยังไม่รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับ ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ซึ่งทุกสโมสรสามารถถ่ายทอดสดผ่านทางช่องทางของตนเอง บวกกับในอนาคต (ซึ่งจะขายได้แน่) นั่นคือการขายสิทธิ์การถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ซึ่งรายได้ตรงนั้นก็จะมีการตัดแบ่งออกเป็น

• 65 % แบ่งออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน 5 % ส่วนแรกแบ่งให้กับทีมก่อตั้ง ส่วนที่สองคือแบ่งให้กับทั้ง 20 ทีม ที่เข้าร่วมในแต่ละฤดูกาล นั่นหมายความว่า หากเป็นสโมสรก่อตั้ง จะได้รับเงินสองต่อทันที
• 20 % แบ่งให้สโมสรทุกสโมสรขึ้นกับอันดับในตารางคะแนน
• 15 % แบ่งให้กับความนิยมของสโมสร อ้างอิงจากการขายโฆษณา