ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

มองย้อนวันนี้กับอินทรีเหล็ก 2014 Part 2

     การย้ายทีมของ มาริโอ เกิทเซ่ ผู้ทำประตูชัยในเกมรอบชิงชนะเลิศ พาเยอรมัน คว้า “ดาวดวงที่ 4” กับแชมป์โลกอีกครั้ง นับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา ทำให้ถึงเวลานี้ ผ่านไปเพียง 6 ปี แห่งการคว้าแชมป์ พวกเขาเหลือเพียง นักเตะ ไม่ถึงครึ่งทีมเท่านั้นที่ยังคงลงเล่นฟุตบอลอาชีพ วันนี้เราไปดูกันว่า เยอรมันแชมป์โลก 2014 วันนี้ เป็นอย่างไรกันบ้าง

ต่อกันกับ หมายเลข 12 ถึง 15

หมายเลข 12 : รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์

     นายทวารหนุ่มไปในฐานะของนายทวารมือรองของทีมชาติชุดนั้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลงเล่นเลยตลอดทัวร์นนาเมนต์นั้น หลังการคว้าแชมป์ก็ยังลงเล่นกับ ฮันโนเวอร์ ต่อไปอีกสักระยะ ก่อนย้ายไปลองของกับ พรีเมียร์ ลีก กับ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่ก็ไม่ค่อยได้ลงสนามาก เลยย้ายกลับมาเล่นกับ สตุ๊ทการ์ท ในเยอรมันอีกครั้ง และล่าสุดกลับมาอยู่กับ ฮันโนเวอร์ เป็นรอบที่สุด ก่อนที่จะถูกปล่อยยืมตัวมาเล่นกับ เอฟซี โคโลญจน์ ในฤดูกาลปัจจุบัน ซีเลอร์ เป็นหนึ่งในนักเตะ ที่ฟอร์มไม่สม่ำเสมอนัก กอปรกับมีนายทวาร ชั้นยอดของ เยอรมัน เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ถึงวันนี้ เขาติดทีมชาติไปเพียง 5 เกมเท่านั้น

 

หมายเลข 13 : โธมัส มุลเลอร์

     โจ๊กเกอร์ในสนาม และตัวโจ๊กของเพื่อนร่วมทีม และแฟนบอล กลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะ เยอรมัน ที่ผ่านการลงเล่นทีมชาติถึง 100 เกม ปัจจุบันนี้ เขาหลุดจากทีมชาติไปแล้ว จากการประกาศของ โยฮาคิม เลิฟ ที่จะสร้างทีมสายเลือดใหม่ขึ้น แต่กับสโมสร บาเยิร์น มิวนิค “มึน” ยังเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งยวดของสโมสร บนวัย 31 ปี เขากำลังมีลุ้นจะเป็น One Club Man ของสโมสรแห่งแคว้นบาวาเรีย โดยเวลานี้ เขาได้แชมป์บุนเดสลีกา 9 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 6 สมัย และแชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย ไม่รวมแชมป์อื่นๆ อีกเพียบ เรียกว่า มุลเลอร์ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดกับอาชีพของตนเอง

 

หมายเลข 14 : ยูเลี่ยน ดรั๊กซ์เลอร์

     ตัวรุกหนุ่มน้ามนจาก ชาลเก้ 04 แย่งซีนทุกคนในวันฉลองแชมป์โลก เมื่อแฟนสาวของเขาลงมาในสนาม พร้อมแจกความสดใสให้ผู้ชม อิจฉาดรั๊กซ์เลอร์ กันทั้งโลก แต่สำหรับชีวิตการเล่นฟุตบอลของเขา ก็นับว่าไม่ถึงจุดสูงสุดกับทีมชาติเยอรมันนัก เพราะเขาไม่สามารถเป็นตัวหลักได้แบบถาวร แม้จะผ่านหลัก 54 เกมกับทีมชาติไปแล้วก็ตาม ในระดับสโมสรเขาเลือกย้ายไปเล่นกับ โวล์ฟบวร์ก ซึ่งถือว่าผิดคาดเนื่องจากหลายคน คิดว่าเขาจะย้ายไปเล่นต่างประเทศ แต่ก็เป็นเพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น เขาก็ตัดสินใจย้ายไปเล่นกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในฝรั่งเศส

 

หมายเลข 15 : เอริค ดวร์ม

     ในทีมชุดนี้ ดวร์ม คือ นักเตะ ที่เรียกว่า ดังวูบเดียว ติดทีมชาติ และไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายก็ว่าได้ ดวร์ม เติบโตมากจาก ไมนซ์ 05 ก่อนที่จะย้ายมาเข้าถ้ำเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ซึงที่นั่น ทำให้ขาแจ้งเกิดจนดีพอจะติดทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ หลังจากการคว้าแชมป์โลก ที่น่าจะเป็นจุดพีคของเขาด้วยวัยเพียง 22 ปี เขากลับไม่สามารถยืนระยะฟอร์มการเล่นของตนเองได้ แถมยังเสียตัวจริงในทีมเสือเหลือง ก่อนย้ายไปเล่นกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ซึ่งก็โชคร้ายที่ย้ายแล้ว ทีมตกชั้นในฤดูกาลนั้นด้วย ทำให้ตอนนี้เขาย้ายกลับมาเล่นในเยอรมัน อีกครั้ง กับสโมสร ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ซึ่งก็ต้องบอกว่า การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อตำแหน่งตัวจริงในทีมยังคงมีต่อไปสำหรับเขา ที่ตอนนี้อายุ 28 ปีแล้ว

หมายเลข 16 ถึง 20

หมายเลข 16 : ฟิลลิป ลาห์ม

     “นักเตะที่ชาญฉลาดที่สุด” นี่คือความเห็นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สมัยได้ร่วมงานกับ ลาห์ม ซึ่งเป็นกัปตันทีมชาติเยอรมันชุดแชมป์โลก ลาห์ม กลายเป็น นักเตะ ระดับตำนานของสโมสร และทีมชาติอย่างแท้จริง เขาประกาศอำลาทีมชาติทันที หลังการคว้าแชมป์โลก ด้วยวัยเพียง 30 ปี ด้วยเหตุผลว่า การคว้าแชมป์โลกก็คือจุดสูงสุดสำหรับการเล่นทีมชาติแล้ว จบสถิติการเล่นทีมชาติไว้ที่ 113 เกม ด้วยกัน และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย หลังจากเลิกเล่นฟุตบอลในปี 2017 พร้อมเกียรติประวัติมากมายในระดับสโมสรที่เขาทำได้กับ บาเยิร์น มิวนิค

 

หมายเลข 17 : แพร์ แมร์เตซัคเกอร์

     “BFG” BIG F**KING GERMAN เจ้ายักษ์ใหญ่ในแนวรับ ซึ่งได้ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์แห่งการเป็นแชมป์โลก 4 ใน 7 เกม หลังการคว้าแชมป์ เขาสร้างสถิติส่วนตัวให้ตนเอง ด้วยการเป็น นักเตะเยอรมัน คนแรก ที่ทำประตูได้ในเกมรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ซึ่ง อาร์เซนอล เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 4-0 ในเกมนั้น ก่อนที่เขาจะช่วยทีมคว้าแชมป์รายการเดียวกันได้อีกครั้งในปี 2017 ก่อนที่จะประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ เป็นการถาวร พร้อมกับการลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่อาร์เซนอล ปัจจุบัน แมร์เตซัคเกอร์ ยังคงทำงานกับ อาร์เซนอล ในฐานะของ ผู้จัดการทีมเยาวชนของสโมสร ซึ่งมีเด็กเยาวชนมากกว่า 180 คนที่เขาต้องดูแล

 

หมายเลข 18 : โทนี่ โครส

     ยอดกองกลาง ฟันเฟืองผู้ชาญฉลาดของทีมชาติเยอรมัน ยังคงเป็นกำลังหลักของเยอรมันจนถึงทุกวันนี้ ที่ไม่น่าเชื่อว่า เขาจะอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น แต่ผ่านการเล่นใกล้ครบ 100 เกมกับทีมชาติแล้ว หลังการคว้าแชมป์โลก เขาตัดสินใจย้ายออกจากบาเยิร์น มิวนิค ไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ในสเปน และกลายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะที่นั่น เขากลายเป็นกำลังหลัก ที่โกยความสำเร็จมากมายกับ ราชันชุดขาว แห่งสเปน หนึ่งในนั้นคือการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สามสมัยติดต่อกัน และทำให้ถึงวันนี้ โครส ได้แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองแล้วถึง 4 สมัยด้วยกัน มากกว่า นักเตะ เยอรมันคนไหนในยุคนี้

 

หมายเลข 19 : มาริโอ เกิทเซ่

     “ซูเปอร์มาริโอ” กลายเป็นที่จดจำของคนทั้งชาติ เมื่อเขาเป็นตัวสำรองในเกมนัดชิงชนะเลิศ แทนที่ของ มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ ยิงประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษให้ เยอรมัน คว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เกิทเซ่ กลับมีกราฟชีวิตการเป็นนักเตะที่ดิ่งลงนับจากนั้นเป็นต้นมา เริ่มจากปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน, ฟอร์มตก รวมถึง อาการป่วยที่เกิดจากระบบเผาผลาญในร่างกายผิดพลาด ทำให้ เกิทเซ่ ที่ตัดสินใจย้ายกลับมาเล่นกับ ดอร์ทมุนต์ อีกครั้งในปี 2016 ไม่สามารถฉายแววของการเป็น ยอดนักเตะ อย่างที่เขาเคยเป็นได้อีกเลย เขาถูกปล่อยให้หมดสัญญา และย้ายแบบไม่มีค่าตัว ก่อนจะย้ายมาเล่นกับ พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ในฤดูกาลนี้ โดยตอนนี้เขาเพิ่งอายุ 28 ปีเท่านั้น

 

หมายเลข 20 : เยอโรม บัวเต็ง

     บัวเต็ง ในปี 2020 ยังคงเป็นแกนหลักในแนวรับของ บาเยิร์น มิวนิค เป็นฤดูกาลที่ 9 ติดต่อกัน แม้จะโดนวิจารณ์เรื่องของฟอร์มการเล่นที่ไม่แกร่งดังเก่าก่อนก็ตาม เขาเป็นหนึ่งในนักเตะ ที่ยืนระยะอย่างต่อเนื่องมาตลอดการเล่นกับ เสือใต้แห่งเยอรมัน อย่างไรก็ตาม กับทีมชาติ เขาหลุดจากทีมมาตั้งแต่ปี 2019 จากการประกาศของ โยฮาคิม เลิฟ ที่ต้องการสร้างทีมใหม่ โดยไม่มีเขาอยู่ในทีมอีกต่อไป

ปิดท้ายด้วย 21 ถึง 23 และ ผู้จัดการทีม

หมายเลข 21 : สโคดราน มุสตาฟี่

     ในวัย 22 ปี มุสตาฟี่ กลายเป็น นักเตะที่โชคดีสุดๆ เมื่อเขาติดทีมชาติเยอรมัน เล่นฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งตอนแรกเขาหลุดจากทีมไปแล้ว แต่ด้วยความโชคร้ายของ มาร์โก รอยส์ ซึ่งบาดเจ็บหนักในช่วงก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ ทำให้ มุสตาฟี่ กลายเป็น นักเตะ ที่รับเลือกเข้ามาทำงานนี้แทน ซึ่ง ณ.เวลานั้น เขาเพิ่งติดทีมชาติมาแล้วเพียงหนึ่งเกมเท่านั้น และก็ได้ลงเล่นหลายเกม ก่อนที่จะบาดเจ็บจนกระทั่งถึงรอบชิงชนะเลิศ

     หลังการคว้าแชมป์โลก เขาย้ายไปร่วมงานกับ บาเลนเซีย ตามด้วย อาร์เซนอล ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อตัวเอง มีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ รวมถึงได้รับบาดเจ็บ และ อาร์เซนอล กำลังมีกองหลังตัวกลางให้เลือกหลายคน รวมทั้งสัญญาของเขากำลังจะหมดลงในปีหน้า และคาดว่าจะย้ายทีมค่อนข้างแน่

 

หมายเลข 22 : โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์

     นายทวารตัวเก๋าจากค่าย ดอร์ทมุนต์ เข้ามาในฐานะมือสาม ซึ่ง เลิฟ มองว่า ประสบการณ์ และการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง กับทีมชาติชุดนั้น แม้จะไม่ได้ลงสนามก็ตาม หลังจากคว้าแชมป์โลก เขายังคงอยู่กับทีม ดอร์ทมุนต์ ต่อไปจนกระทั่งเลิกเล่นในปี 2018 สิ้นสุดการอยู่ทีมนานถึง 16 ปีด้วยกัน หลังจากนั้นเขาก็รับงานกับสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ต่อไป ในฐานะของ ฑูตสโมสร

 

หมายเลข 23 : คริสโตฟ คราเมอร์

     เป็นอีกหนึ่งคนที่เร่งฟอร์มได้ดีในช่วงสุดท้ายของการตัดตัว และได้เป็น 23 ขุนพลของทีมชาติเยอรมัน เขากลายเป็นแชมป์โลกคนแรก ที่มาจากเมืองที่ชื่อว่า โซลินเก้น เมืองหนึ่งในเยอรมัน โดยในวันแห่งการคว้าแชมป์โลก เขากลายเป็น นักเตะ คนเดียวที่อยู่ในสัญญายืมตัว ซึ่งเขาถูกยืมตัวจาก เลเวอร์คูเซ่น มาเล่นกับ โบรุสเซียมึนเช่น กลัดบัค ก่อนที่สุดท้ายเขาจะได้ย้ายมาเล่นกับทีมอย่างถาวรในปี 2016 อย่างไรก็ตาม คราเมอร์ ก็ไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นเท่ากับที่ตนเองเคยทำได้ในปี 2014 อีกเลย โดยเขาหลุดจากทีมไปตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา และดูท่าโอกาสกับทีมชาติเยอรมันของเขาจะหมดลงแล้ว

 

ผู้จัดการทีม : โยฮาคิม เลิฟ

     หลังจากเข้าร่วมทีมชาติในฐานะผู้ช่วยโค้ช ของเยอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ เลิฟเข้ามาสู่การเป็นนายใหญ่ หลังจบฟุตบอลโลก 2006 เป็นต้นมา จนกระทั่งพาทีมได้แชมป์โลก อย่างไรก็ตาม เลิฟ เป็นหนึ่งในโค้ช เพียงไม่กี่คน ที่รับงานทีมชาติต่อหลังการคว้าแชมป์โลกสำเร็จ โดย เยอรมัน ภายใต้การคุมทีมของเขา ยังไม่พุ่งชนความสำเร็จอีกเลย ในสองทัวร์นาเมนต์หลัก ทั้ง ยูโร 2016 และ ฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งรายการหลัง ถือว่าผลงานแย่ถึงขีดสุด เพราะ เยอรมัน ตกรอบแรกในฟุตบอลโลกครั้งนั้น ในฐานะของ แชมป์เก่า และในกลางปีหน้า เขาจะได้แก้มืออีกครั้งในฟุตบอล ยูโร ที่จะถึงนี้

 

ผู้ช่วยผู้จัดการทีม : ฮันซ์-ดีเทอร์ ฟลิค

     “ฮันซี่” หลังจากรับงานกับทีมชาติเยอรมันยาวนานถึง 8 ปี ในฐานะของผู้ช่วยเลิฟ จนทีมได้แชมป์โลก เขาตัดสินใจลาออก และหายจากวงการไปนานถึง 5 ปี ก่อนกลับมารับงานเป็นผู้ช่วยโค้ของบาเยิร์น มิวนิค ในปี 2019 ภายใต้การทำงานร่วมกับ นิโก้ โควัช ก่อนที่โควัช จะโดนปลดออกจากตำแหน่ง และ ฟลิคซ์ ได้รับโอกาสให้มารับงานคุมทีมแทนชั่วคราว แต่ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขา ทำให้ สุดท้ายแล้ว เขาได้รับสัญญาถาวร ซึ่ง บาเยิร์น มิวนิค ภายใตการคุมทีมของเขา 40 เกม พวกเขาได้ถึง 5 แชมป์ ในฤดูกาล 2019-2020 ต่อมาถึงช่วงต้นฤดูกาล 2020-2021 บาเยิร์น ลงเล่นรายการใด พวกเขาได้แชมป์ทุกรายการ และพวกเขากำลังไล่ล่าความสำเร็จต่อไป ภายใต้การคุมทีมของ ผู้จัดการทีมวัย 55 ปี คนนี้

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้