ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

มองย้อนวันนี้กับอินทรีเหล็ก 2014 Part 1

     การย้ายทีมของ มาริโอ เกิทเซ่ ผู้ทำประตูชัยในเกมรอบชิงชนะเลิศ พาเยอรมัน คว้า “ดาวดวงที่ 4” กับแชมป์โลกอีกครั้ง นับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา ทำให้ถึงเวลานี้ ผ่านไปเพียง 6 ปี แห่งการคว้าแชมป์ พวกเขาเหลือเพียง นักเตะ ไม่ถึงครึ่งทีมเท่านั้นที่ยังคงลงเล่นฟุตบอลอาชีพ วันนี้เราไปดูกันว่า เยอรมันแชมป์โลก 2014 วันนี้ เป็นอย่างไรกันบ้าง

11 ตัวแรกของทีม

หมายเลข 1 : มานูเอล นอยเออร์

     นอยเออร์ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในระดับแชมป์โลก และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง กับ บาเยิร์น มิวนิค อย่างไรก็ตามในปี 2017 เขาพบกับอาการบาดเจ็บหนัก ที่ทำให้ต้องพักนานร่วมปี แม้จะกลับมาทันฟุตบอลโลก 2018 เขาก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่สุดยอดแบบที่เคยทำได้ เวลานั้นใครก็มองว่า นอยเออร์ น่าจะ “หมดแล้ว” แต่ในปี 2020 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป นอยเออร์ กลับมาพร้อมฟอร์มสุดยอดอีกครั้ง กับการคว้าแชมป์ทุกรายการแข่งขันที่บาเยิร์น มิวนิค ลงเล่นในฤดูกาลที่ผ่านมา

 

หมายเลข 2 : เควิน โกรสคอยซ์

     ตรงข้ามกับ นอยเออร์ อย่างสิ้นเชิง อดีตกองหลัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ไม่สามารถอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด นับจากการคว้าแชมป์โลกอีกเลย เขาออกจากทีมเสือเหลือง ย้ายไปเล่นกับ กาลาตาซาราย ในตุรกี แต่ก็ไม่ได้ลงเล่นสักเกม ก่อนย้ายกลับมาเล่นในเยอรมัน กับ สตุ๊ทการ์ต แต่หลังจากอยู่ครบหนึ่งปี ไม่นานนัก เขาก็ก่อเรื่องชกต่อยในบาร์ ทำให้โดนสโมสรยกเลิกสัญญา โกรสคอยซ์ ย้ายไปเล่นกับ ดามสตัด ก่อนที่ในปี 2018 จะดิ่งไปไกลถึง ลีกาสาม ด้วยการเซ็นสัญญากับ อัวร์ดิงเก้น 05

 

หมายเลข 3 : มาธิอัส กินเธอร์

     กองหลังดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ในวันที่ได้แชมป์โลก คือดาวรุ่งที่น่าจับตามอง และ ดอร์ทมุนต์ ก็ได้ตัวเขามาร่วมงานด้วย แต่ตลอดสามปีในถ้ำเสือเหลือง เขาไม่สามารถยกระดับตัวเองขึ้นมาเพื่อให้กลายเป็น ตัวหลักทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติได้เลย จนเลือกย้ายไปเล่นกับ โบรุสเซีย มึนเช่น กลัดบัค ทีมร่วมลีกในปี 2017 และยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงวันนี้ แต่กับทีมชาติเยอรมันก็ยังคงเห็นเขาอยู่ประปราย และเขากลายเป็น นักเตะ เยอรมันคนแรก ที่ติดทีมชุดฟุตบอลโลกถึงสองครั้ง (2014 และ 2018) แต่ไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่นาทีเดียว

 

หมายเลข 4 : เบเนดิกส์ โฮเวเดส

     ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในทีมชุดแชมป์โลก โฮเวเดส คือหนึ่งในสามนักเตะ ร่วมกับ นายทวารอย่าง นอยเออร์ และ ฟิลิปป์ ลาห์ม กัปตันทีม ที่ลงเล่นทุกนาทีของทีมชาติเยอรมันในฟุตบอลโลก 2014 จนถึงวินาทีแห่งการฉลองชัย โดยเด็กปั้นของ ชาลเก้ 04 ที่อยู่กับทีมยาวนานถึง 17 ปี ตั้งแต่เป็น นักเตะ เยาวชน ท้ายที่สุดแล้วเขาตัดสินใจออกจากชาลเก้ ไปร่วมงานกับ ยูเวนตุส แบบยืมตัว เป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล ก่อนที่จะเลือกย้ายไปเล่นกับ โลโคโมทีฟ มอสโก ในรัสเซีย และเพิ่งประกาศเลิกเล่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

 

หมายเลข 5 : มัตต์ ฮุมเมิลส์

     กองหลังสุดหล่อสร้างความขุ่นเคืองใจอย่างยิ่งให้กับ ดอร์ทมุนต์ เมื่อเขาตัดสินใจย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2016 แม้จะบอกว่าเป็นการย้ายกลับไปยังทีมเก่าที่เขาเคยเป็น นักเตะ เยาวชนมาก่อนก็ตาม อย่างไรก็ตาม ฮุมเมิลส์ ก็กลับไปที่นั่น พร้อมกับการได้แชมป์ บุนเดสลีกา สามสมัย และแชมป์อื่นอีกหลายรายการ ก่อนที่เซ็นสัญญาย้ายกลับมาที่ ดอร์ทมุนต์ อีกครั้ง แต่ที่น่าตลกคือ นักเตะ อายุมากขึ้นถึงหลัก 30 ปี แต่ค่าตัวของเขาตอนย้ายกลับมา ดอร์ทมุนต์ ดันสูงกว่าตอนที่ ดอร์ทมุนต์ ขายไปให้ บาเยิร์น เสียอีก ขณะที่กับทีมชาติเยอรมัน ฮุมเมิลส์ หลุดทีมไปตั้งแต่ปี 2019 แล้ว

ต่ออีกครึ่งที่เหลิอ

หมายเลข 6 : ซามี่ เคดิร่า

     หลังการคว้าแชมป์โลก หนึ่งปีต่อมา เขาย้ายไปร่วมงานกับ ยูเวนตุส จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 5 ปีแล้ว เคดิร่า เริ่มต้นได้ดีกับ ม้าลายแห่งตูริน แต่ด้วยปัญหาคลาสสิกของ นักเตะ ทุกคนอย่าง อาการบาดเจ็บ ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของเขาชัดเจน ทำให้เวลานี้ เขาเป็นเพียงตัวสำรองของทีมเท่านั้น เช่นเดียวกับทีมชาติเยอรมัน ที่เขาโดนวิจารณ์สับเละกับฟอร์มการเล่นจนหลุดทีมไปตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา

 

หมายเลข 7 : บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

     “ชไวนี่” หรือ “บาสตี้” ของแฟนบอล ตัดสินใจครั้งใหญ่ ด้วยการย้ายไปเล่นนอกประเทศเยอรมันเป็นครั้งแรก ด้วยการเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2015 ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก และเมื่อเปลี่ยนมาเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ เขาก็หลุดออกจากทีมชุดใหญ่ไปเล่นกับทีมสำรอง จนสุดท้ายเขาก็ออกจากทีมไปเล่นกับ ชิคาโก้ ไฟร์ ในอเมริกา และตัดสินใจเลิกเล่นในปี 2019

 

หมายเลข 8 : เมซุต เออซิล

     ชีวิตของ เออซิล นับจากการคว้าแชมป์โลก เต็มไปด้วยดราม่าทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติ โดยกับ อินทรีเหล็ก เขาถูกตราหน้าว่าเป็น แพะรับบาป ของการตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2018 ที่พวกเขาพ่ายแบบยับเยินที่สุด และมาพร้อมกับวลีคลาสสิก “วันที่ชนะ ผมคือเยอรมัน วันที่แพ้ผมคือ ผู้อพยพ” พร้อมประกาศอำลาทีมชาติทันที ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่รุนแรงมากมายในช่วงนั้น กับสโมสรปืนใหญ่ แม้จะได้รับความรักจากเหล่าแฟนบอล แต่ในช่วงสองปีหลังสุด เขาหลุดจากทีมของ อูไน อเมรี่ รวมถึง มิเคล อาร์เตต้า ซึ่งไม่ใช่งานเขาเลยนับจาก มิถุนายน 2020 จนถึงวันนี้ ที่เขายืนยันว่าจะอยุ่กับ อาร์เซนอล จนถึงหมดสัญญากลางปี 2021 ค่อยมาว่ากันใหม่เรื่องอนาคตของตนเอง

 

หมายเลข 9 :  อันเดร เชือเล่

     เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ ฟุตบอลโลก 2014 กลายเป็น “จุดสูงสุด” ของชีวิตการเป็นนักเตะของเขา เขาไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักกับ เชลซี ทีมในอังกฤษ ก่อนจะย้ายมาเล่นกับ โวลฟ์บวร์ก ตามด้วย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ แต่ก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งของตนเองกลับมาได้เลย จนต้องย้ายไปเล่นกับฟูแล่ม รวมถึง สปาร์ตัก มอสโก ตามลำดับ และสุดท้าย เขายกเลิกสัญญาที่เหลือกับ ดอร์ทมุนต์ และเลือก แขวนสตั๊ด ในปี 2020 ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผล หมดความสนุก และความท้าทายในการเล่นฟุตบอลอาชีพ ซึ่งเขามีอายุเพียง 29 ปีเท่านั้น

 

หมายเลข 10 : ลูคัส โพลดอลสกี้

     “โพลดี้” อยู่กับ อาร์เซนอล ในวันที่คว้าแชมป์โลก ได้สำเร็จ ก่อนที่จะย้ายไปเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน ในแบบยืมตัว และย้ายแบบถาวรไปเล่นกับ กาลาตาซาราย ด้วยเหตุผลต้องการลงเล่นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในปี 2017 เขาสร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการย้ายไปเล่นในญี่ปุ่น กับสโมสร วิตเซล โกเบ ก่อนที่ล่าสุดต้นปี 2020 เขากลับมาเล่นในตุรกีอีกครั้ง กับสโมสร อัลตันยาสปอร์ โดย โพลดี้ อำลาทีมชาติเยอรมันในปี 2017 ในเกมที่พบกับอังกฤษ พร้อมจบสถิติการติดทีมชาติมากถึง 130 เกมด้วยกัน

 

หมายเลข 11 : มิโรสลาฟ โคลเซ่

     “มิโร” เป็นหนึ่งคนที่จะจดจำฟุตบอลโลก 2014 ตลอดชีวิต เพราะนอกจากจะเป็นแชมป์โลกแล้ว ส่วนตัวของเขา ฟุตบอลโลก 2014 คือเวทีที่ทำให้เขากลายเป็น นักเตะที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลโลกสูงที่สุด ที่จำนวน 16 ประตู ด้วยกัน โดยเขาติดทีมชาติเยอรมัน ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 4 ครั้ง และเขายิงประตูได้ในทุกทัวร์นาเมนต์อีกด้วย

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้