สถานีต่อไปของ “ปาทริค วิเอร่า”

     ในทางกลับกัน “ปั๊ต” ดูจะเน้นงานที่เป็นการเรียนรู้ เป็นอันดับแรก กับเส้นทางสายใหม่ ที่ต่างกับสายเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาเริ่มต้นกับการทำงานในสายบริหาร ในฐานะของ “ฝ่ายพัฒนาฟุตบอล” ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรสุดท้ายของเขาในชีวิตการเป็น นักเตะ อาชีพ โดยทำงานร่วมกับ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ซึ่งเป็นแผนงานของสโมสร เรือใบสีฟ้า กับการขยายพาร์ทเนอร์ ในหลากหลายสโมสรฟุตบอล ในแต่ละทวีป

     ก่อนที่ในปี 2013 เขาจะรับงานเป็นผู้จัดการทีมสำรองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยสองปีต่อมา เขามีข่าวกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะเลือกไปรับงานไกลถึง สหรัฐอเมริกา กับสโมสร นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี สโมสรน้องใหม่ของ เมเจอร์ ลีก ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรที่ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป เข้าไปมีบทบาทในนั้นด้วย โดยเป็นทีมที่เพิ่งก่อตั้งในปี 2013 เท่านั้น และ วิเอร่า คือ ผู้จัดการทีมคนที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้

     “การทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป” ของเขาดูจะไปได้สวย วิเอร่า รับงานคุมทีมนานถึง 2 ปีครึ่งในแผ่นดินลุงแซม กับผลงานที่ได้รับคำชมมากพอสมควร เขาพา นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี เข้ารอบเพลย์ออฟ ก่อนจะตกรอบรองชนะเลิศในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง และแม้ว่าสุดท้าย นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี จะไม่ได้แชมป์ใด ๆ ก็ตาม

หลังจากนั้นในปี 2018 เขาตัดสินใจออกจาก เมเจอร์ ลีก เพื่อย้ายกลับมาในยุโรป และเลือกลีกที่ความกดดันมากขึ้นกับ “ลีก เอิง” ฝรั่งเศส กับสโมสร นีซ

“การออกจาก นิวยอร์ค คือการตัดสินใจที่ยากยิ่ง ทั้งสำหรับตัวผม และครอบครัว และมันไม่ใช่เรื่องที่ใช้เวลาน้อยนิด ในการตัดสินใจ แต่ผมก็เลือกจะย้าย”

     “ตอน ฌอง-ปิแอร์ ริเวแยร์ ประธานสโมสร นีซ ประกาศว่าเขาต้องการ คิช ที่มีความสามารถในการพัฒนาการเล่นฟุตบอล พร้อมกับการพัฒนาไปพร้อมกัน รวมถึงการเลือกใช้งาน นักเตะ ดาวรุ่งที่มีในทีมด้วย มันคือการเดิมพันเสี่ยงพอสมควร แต่เราเชื่อว่า ปาทริค วิเอร่า คือคนที่ใข่”

     การทำงานกับ นีซ วิเอร่า มี นักเตะ ดาวรุ่งที่น่าสนใจหลายคนอยู่ในทีม อแลง แซงต์-แมกซิแมง ปีกดาวรุ่งความเร็วสูง หรือกองหลังดาวรุ่งอย่าง มาลัง ซาร์ ผสมผสานกับ ดานเต้ บอมฟิน กองหลังบราซิล ที่เคยลงเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค มาก่อน หรือ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าอิตาเลี่ยน พวกเขาเป็นทีมที่น่าสนใจ แต่ก็ยังดีไม่พอกับการพาทีมไปเล่นฟุตบอลยุโรป