ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

ครั้งแล้วครั้งเล่ากับ “ดุลยพินิจ” ของกรรมการ

     ความพ่ายแพ้ของ อาร์เซนอล ในเกมพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นเรื่องรองไปทันที หลังจบเกมนี้ บนความสนุกสนาน ดราม่า และหัวร้อนไปตาม ๆ กัน ของแฟนบอลเจ้าบ้าน กับหลายเรื่องราวระหว่างเกม

 

     อาร์เซนอล ลงเล่นเกมนี้โดยไม่มี มิเคล อาร์เตต้า คุมทีมจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ได้ตัว ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ คืนกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นับว่าจัดทัพใหญ่ ได้ตัว โรดรี้ กลับมาสู่ทีม ซึ่งก่อนเกมคงไม่มีใครคิดว่า เขาจะคือคนสำคัญของเกมวันนี้

 

     ก่อนเกมทุกคนมองว่า แชมป์เก่า เหนือกว่าแน่นอน ผลงานอาร์เซนอลอาจจะดีในระยะหลัง แต่ มาตรฐานเรือใบสีฟ้าสูงกว่า และผลงานก็ดุดันมาเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามผลงานที่ออกมาใน 45 นาทีแรก คือ เซอร์ไพรส์ใหญ่ของเกมเมื่อวานนี้จาก อาร์เซนอล

 

      รูปแบบการเล่นของทีมไม่ต่างจาก 5 เกมที่ชนะรวด ไล่บอลกันตั้งแต่แดนหน้า เพรสซิ่งสูงกดดัน เน้นสมาธิในเกมรับ รอโอกาสในการเข้าทำ ซึ่งใช้งานปีกสองข้างในการเข้าทำ ขณะที่ เรือใบสีฟ้า ใส่กลางลงมาสามคนออกบอลดีทุกคน โรดรี้ – เดอ บรอยน์ และ เบร์นาโด้ ซิลวา เน้นการออกบอลเจาะตรงกลางเป็นหลัก เมื่อวันนี้ สเตอร์ลิ่ง และ มาห์เรซ สองริมเส้นเจาะไม่ได้ อาวุธหลักก็คือแดนกลาง

 

     4 เดือนก่อน อาร์เซนอล พังพินาศที่ เอติฮัต สเตเดี้ยมแบบหมดทางสู้ #ArtetaOut ดังลั่นสนาม และโลกออนไลน์ แต่มาวันนี้ อาร์เซนอล ทำให้เห็นว่าพวกเขามาไกลมาจากวันนั้น เมื่อทำให้คู่แข่งทีมเดียวกัน หาโอกาสเข้าทำจัง ๆ ไม่ได้เลยในครึ่งแรก และในทางกลับกัน มีโอกาสไปป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษแชมป์เก่าหลายครั้ง

 

     อาร์เซนอล เล่นเหมือนกับ 5 เกมที่ผ่านมา พวกเขาชื่นชอบในการเล่นเร็วตั้งแต่นาทีแรก พยายามครองเกมให้เร็ว แต่วันนี้เจอ “เจ้าพ่อ” เรื่องครองบอลอย่างเรือใบสีฟ้า เมื่อทำแบบนั้นไม่ได้ พวกเขาก็เลือกจะเน้นเกมรับแน่น ๆ ปาเตย์ – ชาก้า ปักกวาดหน้าแผงแนวรับสี่คน ตัดบอลได้ เน้นออกบอลให้เร็ว ให้น้อยจังหวะ และฝากไปทางริมเส้นเข้าทำ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ บูคาโย่ ซาก้า มั่นใจในความเร็วและสกิลตัวเองอย่างมาก ช่วง 10 นาทีแรกตัวเองเอาชนะแนวรับเรือใบได้ ทีนี้ก็ไม่กลัวแล้ว เพื่อนก็กล้าออกบอลให้ หลายครั้งมีจังหวะดวล 1-1 กับแนวรับพวกเขากล้าแหวกลุย เป็นเกมหนึ่งที่ มาร์ติเนลลี่ ยกระดับตัวเองขึ้นมาได้ว่า เขาเหมาะแล้วกับการเป็น 11 ตัวจริง ณ เวลานี้

 

     การได้ประตูนำก่อนเป็นจังหวะที่เหมือนกับหลายเกมอีกเช่นกัน การใช้แบ็คซ้ายดันขึ้นมา ก่อนหากจังหวะผ่านเรียดเข้ากลาง ซาก้า ตัดเข้ากลางมากดไม่จับหายเข้าประตู ลูกนี้ บอลซ้อมของทีมเลยก็ว่าได้ และเกมเป็นอาร์เซนอล ที่ครองเกมได้ดีกว่าจนกระทั่งจบ 45 นาทีแรก ทุกอย่างน่าจะไปได้สวย

 

     แต่วันนี้ และอีกหลาย ๆ เกมในวงการฟุตบอล จุดเปลี่ยนบางอย่าง มันก็เกิดขึ้นจากตนเอง และการตัดสินของชายที่ชื่อว่า กรรมการ ซึ่งชื่อของ สจ๊วต แอทเวลล์ จะเป็นชื่อที่แฟนอาร์เซนอล จำไม่ลืมไปอีกนาน กับการตัดสินของเขาในวันนี้

อาร์เซนอล ผิดพลาดอะไรบ้าง ?

     ในครึ่งหลัง ขณะที่ เกมกำลังสูสี และดูเหมือนจะยังไม่มีอะไร กรานิท ชาก้า ที่วันนี้ก็เล่นตามปกติของตัวเอง มีปัญหาไป “ดึงเสื้อ” เบร์นาโด้ ซิลวา ในเขตโทษ และซิลวา ล้มลงทันที จังหวะนี้กรรมการบอก “ไม่เป็นจุดโทษ” ในตอนแรก ก่อนที่จะมีการ VAR และจบลงที่ว่าให้กรรมการไปดูจอข้างสนาม ก่อนระบุว่า “จุดโทษ” สำหรับจังหวะนี้

 

     ชาก้า พลาดเต็ม ๆ ที่ดึงเสื้อคู่แข่ง ด้วยความเคารพใน เบร์นาโด้ ซิลวา ไม่มีใครรู้เขาพุ่งหรือไม่ แต่เมื่อคุณดึงเสื้อคู่แข่งในเขตโทษ มันก็เสี่ยงมากอยู่แล้ว และเมื่อคู่แข่งล้มลงไปด้วย โอกาสจะโดนตัดสินว่า ฟาลว์ มันก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ ยิ่งในยุคของ VAR รอบสนาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

     ริยาด มาห์เรซ รับหน้าที่สังหารเข้าไป ในขณะเดียวกัน กาเบรียล มากัญเยส ก็เสียใบเหลืองกับการพยายามเอาเท้าไปขุดดินตรงจุดโทษ และมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับจังหวะที่ กองหลังบราซิล ถามเกี่ยวกับสถานการณ์คล้ายกันที่เกิดขึ้นของ มาร์ติน เออเดการ์ด ว่าทำไมถึงไม่มีการวิ่งไปดูจอข้างสนามแบบนี้บ้าง สุดท้ายจบด้วยใบเหลือง

 

     สองนาทีต่อมา กาเบรียล พลาดเต็ม ๆ กับการเสียเชิงบอลกับ กาเบรียล เชซุส ตรงกลางสนามและทำฟาลว์ ก่อนจะโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดง ลูกนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ กาเบรียล โดนใบเหลือง-แดง มันเคยเกิดขึ้นแล้วในเกมกับ เซาธ์แธมป์ตัน ปีก่อนก็แบบนี้ งานนี้ “เจ็บไม่จำ โดนแล้วยังไม่เข็ด”

 

     เมื่อเหลือ 10 คน อาร์เซนอล เล่นเกมรับแบบไม่มีทางเลือก การเปลี่ยนนักเตะทั้งสามคนของทีม คือการปรับทรงการเล่น เพิ่มความสด และสุดท้ายพวกเขาเกือบทำได้ แต่มันก็เกิดความผิดพลาดครั้งสุดท้ายของเกม ที่มาพร้อมกับดวง กับจังหวะบอลขลุกขลิก และมาเข้าทาง โรดรี้ ยิงเข้าไปในนาทีที่ 90+4 กลายเป็นดราม่าสมบูรณ์แบบของเกม

 

ทั้งหมดนี้คือปัจจัยหลักที่อาร์เซนอลพลาดเอง และมันถูกลงโทษด้วยการตัดสิน และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฉวยมันไว้ได้

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันที่ไม่ดี แต่มีชัย

     วันนี้เรือใบสีฟ้า ต่ำกว่ามาตรฐานในการเข้าทำ สวนทางกับอาร์เซนอลที่ดีเกินมาตรฐานของตัวเองในการเจอทีมใหญ่ บทความนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อจะ “ด้อยค่า” ความพยายาม และชัยชนะของเรือใบสีฟ้า ชัยชนะในเกมนี้ เราสามารถเรียกว่ามาพร้อมกับความสามารถ และดวง ดวงที่มาในรูปแบบของการตัดสินจากกรรมการ สจ๊วต แอทเวลล์ ในเกมนี้ มีผลต่อรูปเกม และมันส่งผลเชิงบวกให้กับพวกเขาก็ไม่ผิดนักเช่นกัน เพราะรูปเกมเปลี่ยนไปเลยจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่นาทีนั้น

 

“แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้ทำอะไรผิดในสนาม พวกเขาเล่นเต็มที่เพื่อแฟนของพวกเขาเช่นกัน”

 

     นี่อาจจะเป็นชะตาของทีมที่จะเป็นแชมป์ วันเล่นไม่ดีกลับมีแต้ม ในขณะที่เกมรับของพวกเขาทำงานหนักในช่วงที่ อาร์เซนอล บุกหนักแต่พวกเขาก็เอาอยู่  และเมื่อโอกาสเล็กน้อยเข้ามา พวกเขาแปรเปลี่ยนได้ ในฐานะของแฟนบอลคนหนึ่ง ยินดีกับพวกเขาด้วย ครั้งหน้าเจอกันว่ากันใหม่ แต่สำหรับกรรมการ เป็นไปได้ขออย่าได้เจอกันอีกจะขอบคุณมาก

 

กรรมการ สจ๊วต แอทเวลล์ คือตัวแปรใหญ่ของเกมนี้

 

     สจ๊วต แอทเวลล์ กับการตัดสินใจของเขาหลายครั้ง และมันไม่แปลกใจที่ว่าทำไม นักเตะ ในสนามมันถึงเดือดดาล รวมถึงแฟนบอลในสนาม และหน้าจอที่สรรเสริญเขาด้วยฟักแฟงมากมายทั้งระหว่างเกม และหลังเกม

 

     การใช้งาน VAR ที่ไม่ชัดเจน : ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียน เขียนถึงหลายครั้งแล้วว่าการมีจอข้างสนาม กรรมการในสนามควรจะใช้งานทุกครั้งที่ตัดสินด้วย VAR (Video Assistant Referee) ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า “ผู้ช่วย” และมันถูกออกแบบมาใช้ก็ต่อเมื่อมีจังหวะใบแดง หรือจังหวะการให้จุดโทษ หรือการมีการฟาลว์อันตรายที่มีสิทธิ์เป็นใบแดง ดังนั้น กรรมการในสนาม ก็ควรที่จะใช้มันอย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ และการตัดสินทั้งสองครั้งที่มีโอกาสเป็นจุดโทษในเกมนี้ ทั้ง เออเดการ์ด และ เบร์นาโด้ ซิลวา กรรมการในสนามตัดสิน “ไม่เป็นจุดโทษ” ทั้งสองครั้ง ก่อนจะมีการแจ้งจาก VAR เหมือนกันทั้งสองครั้ง สิ่งที่ต่างกันคือ

  • ครั้งแรกของ เคสของเออเดการ์ด กรรมการฟัง VAR แล้วตัดสินเลยว่าไม่จุดโทษ
  • ครั้งสองของ เคสของเบร์นาโด้ กรรมการฟัง และไปดูภาพช้าข้างสนาม ก่อนตัดสินว่าจุดโทษ

 

     หาก สจ๊วต แอทเวลล์ ทำให้มันเป็นมาตรฐานเดียวกัน ปัญหาจะไม่เกิด เพราะทุกอย่างถือว่า เขาได้ดูภาพช้า และมีโอกาส “ตัดสินใจครั้งที่สอง” ด้วยตนเองแล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไร มันก็อีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ “ดุลยพินิจ” ของกรรมการบนเทคโนโลยีที่มีจนครบหน้าที่แล้ว และมันเป็นรอบที่เท่าไรแล้วที่ อาร์เซนอล ถูก “ดุลยพินิจ” ของกรรมการในสนามเมินการไปดูจอช้างสนาม และเชื่อ “ผู้ช่วย” ที่อยู่ในห้อง VAR เพียงอย่างเดียว

 

     “กับจุดโทษของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมรู้สึกว่ามันเบามาก ผู้กำกับเส้นก็บอกว่ามันไม่ใช่จุดโทษ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ฟัง VAR และเช็คด้วยการดูจอข้างสนามจังหวะนี้ ผมสับสนไปหมดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้ ในเกมทั้งสองจังหวะกรรมการก็บอก “ไม่จุดโทษ” ทั้งสองครั้งในตอนแรก แต่ทำไมเขาถึงเช็คในจังหวะกับซิตี้ และไม่เช็คในจังหวะของทีมเราล่ะ นั่นคือสิ่งที่ผมหงุดหงิดมาด มันคือความไม่เสมอภาคกันของการตัดสิน” อารอน แรมสเดล กล่าวหลังเกม

ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ อาร์เซนอล “สมควรแพ้” และ “ไม่สมควรแพ้” ในเวลาเดียวกัน

     การตัดสินเรื่องการเข้าปะทะระหว่างเกมที่หลายต่อหลายครั้ง มีการเข้าบอลหนัก มีการตอดเล็กตอดน้อยกันทั้งเกม แต่บางจังหวะก็ให้ใบเหลือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง นาทีที่ 55 – 68 ของเกม กลายเป็น 13 นาทีที่มีถึง 5 ใบเหลือง 1 ใบแดง และทั้งหมดคือของอาร์เซนอลทั้งหมด ขณะที่เมื่อจบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนใบเหลืองหนึ่งใบ จากจังหวะการถอดเสื้อดีใจยิงการยิงประตูของ โรดรี้ ในนาทีที่ 90 + 4 นั่นคือ Fact ที่เกิดขึ้น และมันเหมือนกับว่าช่วงประมาณ 15 นาทีนั้น กรรมการแม่นกฎแบบ 100 % แต่หลังจากนั้น ต่อให้มีการปะทะกัน (ซึ่งก็มีกันตลอด) กรรมการก็พร้อมจะปล่อยให้เกมเดินหน้าต่อไปจนจบเกม แม้กระทั่งจังหวะยั่วยุของนักเตะทั้งสองฝ่าย ก็ไม่ให้ใบเหลือง กับทั้งสองทีมอยู่ดี นี่ยังไม่รวมถึง จังหวะที่ บูคาโย่ ซาก้า เขาไปสอบถามกรรมการ เรียกร้องสิทธิ์ของทีม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ “ใบเหลือง” เพื่อให้ ซาก้า เงียบแล้วเล่นต่อไป

 

     สิ่งที่แย่ที่สุดคือ พรีเมียร์ ลีก ก็จะไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน เหมือนกับหลายสิบครั้งที่เคยเกิดเหตุการณ์กรรมการคุมเกมไม่อยู่ หรือตัดสินแบบไม่เสมอภาคกับทั้งสองทีม เต็มที่ก็ลงโทษสถานเบา พักการเป่านกหวีด ส่งไปเป่าเกมระดับลีกล่างสักพัก สุดท้ายก็กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม…แบบนี้ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นการ “หลบหนีปัญหา” ของพรีเมียร์ ลีก และอ้างคำว่า “ดุลยพินิจ” ขึ้นมาปกป้องอีกชั้นหนึ่ง แล้วเรื่องก็จะเงียบไปตามกาลเวลาอีกแน่นอน

 

     ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ อาร์เซนอล “สมควรแพ้” และ “ไม่สมควรแพ้” ในเวลาเดียวกัน พวกเขาสมควรแพ้ เมื่อการผิดพลาดของพวกเขา ทั้งการเสียจุดโทษ หรือการโดนใบแดง พวกเขาพลาดเอง จังหวะจุดโทษ การดึงเสื้อ คือผิดกฎอยู่แล้วหากคุณมองถึงกฎตามที่ระบุในหนังสือ เช่นเดียวกับใบเหลืองแดงของกาเบรียล ที่มันคือการตัดบอลในจังหวะที่คู่แข่งกำลังจะหลุดไป แม้จะกลางสนาม มันก็คือตัดเกมที่คู่แข่งโอกาสโดน “ใบเหลือง” ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แต่มันจะ “ไม่สมควรแพ้” เช่นกัน หากพวกเชาได้รับการตัดสินที่มันมีมาตรฐานมากกว่านี้ จากคนที่ชื่อว่า กรรมการในสนาม แต่ทุกอย่างไม่มีคำว่าถ้า มันมีแต่ความจริงที่ต้องยอมรับกันต่อไป สู้กันต่อไป

 

     หลังเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขา “เปล่งปลั่ง” ราศีแชมป์แบบเต็มตัว กับอีก 17 เกมสุดท้ายในลีกที่พวกเขานำห่างคู่แข่งถึง 9 คะแนน ก่อนเกมที่เชลซี จะลงเล่นกับ ลิเวอร์พูล คืนนี้

 

     สำหรับ อาร์เซนอล ทำให้เห็นแล้วว่าพวกเขากำลังจะก้าวข้ามตัวเองกับการเจอทีมใหญ่ที่พวกเขาแพ้ทางมาตลอด แม้ว่าวันนี้ผลการแข่งขันจะยังไม่เป็นใจก็ตาม ที่เหลือต่อจากนี้ คือมารอดูว่า ทีมจะกลับมาได้อย่างไร ในวันที่น่าเจ็บปวดนี้ แต่ความพ่ายแพ้นี้ ไม่เหมือนกับเมื่อ 4 เดือนก่อนที่ เอติฮัต สเตเดี้ยม ที่จบด้วยเสียงโห่ไล่ แต่มันคือเสียงเชียร์ดังกึกก้องทั่วสนามบนความพ่ายแพ้ เพราะพวกเขาทำให้แฟนบอลทำได้เห็นแล้วว่า ทีมที่พวกเขาเชียร์ สู้สุดหัวใจอย่างที่สุดแล้วนั่นเอง

 

เข้าสู่ครึ่งฤดูกาลหลังของฤดูกาล 2021-2022 กันอย่างเป็นทางการแล้ว!!

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้