กลายเป็นสตาร์ในช่วงเวลาเพียงสองปีเท่านั้น หลังการขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรอย่างเป็นทางการ สำหรับ บูคาโย่ ซาก้า (19 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) ปีกที่ ณ.เวลานี้ สวมเสื้อหมายเลข 7 ของสโมสร อาร์เซนอล และกลายเป็นสมาชิกของ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ที่กำลังรอลุ้นว่าจะมีชื่อติดทีมชาติไปลงเล่นใน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป กลางปี 2021 ที่กำลังจะมาถึงนี้
ซาก้า เป็นชาวลอนดอนโดยกำเนิด หลังจากลงเล่นในโรงเรียนที่ชื่อว่า กรีนฟิลด์ ไฮสคูล ก็เข้าสู่วงการฟุตบอล เมื่อได้รับความสนใจจาก อาร์เซนอล และชักชวนเข้าสู่ทีมเยาวชนสโมสร ในศูนย์ฝึกเยาวชนในย่าน เฮล เอนด์ (Hale End) ซึ่งเป็นศูนย์เยาวชน ที่ได้รับการพัฒนา และสนับสนุนจาก อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตนายใหญ่ของทีม ที่ต้องการให้ระบบเยาวชนของสโมสรเป็นรูปเป็นร่าง และแยกการลงซ้อมคนละที่กับทีมชุดใหญ่ของปืนใหญ่
ซาก้า เขาลงเรียนที่ กรีนฟอร์ด ด้วยวัย 11 ปี และในช่วงนั้นเองที่เขาเริ่มเข้าสู่ทีมเยาวชนของ อาร์เซนอล แต่ก็ยังแอบที่จะลงเล่นฟุตบอลในสวนกับพ่อ และพี่ชาย “บูคาโย่ โยมิ”
“เราเล่นฟุตบอลกันวันละหลายชั่วโมง แต่ผมไม่ยอมให้พวกเขากลับเข้าไปในบ้านได้หรอกนะ ตราบใดที่ผมไม่ได้เอาชนะพวกเขาได้ ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมอยากเอาชนะให้ได้ไม่งั้นผมไม่ยอกเลิกหรอก” ซาก้า กล่าว ถึงเรื่องราวในวัยเด็กของตนเอง
ซาก้า พัฒนาตนเอง กับครอบครัวอย่างอบอุ่น ภายใต้การดูแลของสโมสรอาร์เซนอล กับครอบครัวที่มีคุณพ่อ เป็นแฟนบอล นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่มี อลัน เชียเรอร์ เป็นกองหน้าขวัญใจ โดยในช่วงแรก พ่อของเขาจะส่งเขามายังสนามซ้อมอาร์เซนอล ส่วนแม่ของเขาจะขับรถไปส่งพี่ชาย ลงซ้อมกับสโมสร วัตฟอร์ต ที่สนามซ้อมอยู่ในย่าน เซนต์ อัลบานส์ ก่อนที่จะสุดท้าย โยมิ พี่ชายของเขาก็ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอล และเข้าสู่วงการเรียนเต็มตัว ขณะที่ ซาก้า ก็ไม่ได้ลงเล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียว แต่ก็ต้องลงเรียนอย่างหนักเช่นกัน ในฐานะของเยาวชน ที่ยังไม่แน่นอนว่าเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนในสายฟุตบอลอาชีพ
“อาร์เซนอล เข้ามาดูแล ซาก้า เป็นอย่างดี พวเขาไม่ปล่อยให้ นักเตะ เยาวชน เล่นฟุตบอลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรื่องการเรียนก็ต้องเน้น และต้องเรียนให้ดีด้วย ต้องขอบคุณ ซาก้าด้วย กับการตั้งใจเรียนในระดับที่ดี และไม่สร้างความกังวลให้กับ พวกเราเลย” มาร์ค ฮาร์วีย์ หนึ่งในคุณครูของ ซาก้า สมัยเรียน กล่าว
เขาได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ปี จนมาถึงอายุ 17 เขาก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในทีมอายุต่ำกว่า 18 ปี ของสโมสร และทำผลงานในทีมของ เฟรดริก ลุงเบิร์ก ได้อย่างโดดเด่น จนทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจาก ลุงเบิร์ก ด้วยการแนะนำให้ อูไน อเมรี่ นายใหญ่ของ อาร์เซนอล ณ.เวลานั้น เรียกตัวขึ้นไปฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ และติดทีมไปทัวร์เอเชีย ก่อนฤดูกาล 2018-2019 จะเริ่มต้นขึ้น
29 พฤศจิกายน 2018 ซาก้า ลงประเดิมสนามให้กับ อาร์เซนอล อย่างเป็นทางการ กับการลงเล่นในเกมยูโรป้า ลีก กับสโมสร วอร์สก้า โปลตาว่า ก่อนที่อีกไม่กี่วันต่อมา เขาลงตัวจริงเกมแรกในรายการเดียวกันในเกมพบกับ การาบัค และนั่นคือการเริ่มต้นของ ซาก้า กับ อาร์เซนอล
ฤดูกาล 2019-2020 ซาก้า ยกระดับขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่มากขึ้น กอปรกับการที่ อาร์เซนอล มีปัญหา นักเตะ ในตำแหน่งแบ็คซ้ายบาดเจ็บ ทำให้เขากลายเป็น แบ็คซ้ายจำเป็นของทีม และทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ก่อนที่จะยิงประตูแรกให้ทีมอาร์เซนอล ในเกม ยูโรป้า ลีก พบกับ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต และหลังจบเกม คนแรกที่เขาโทรหาคือ พ่อของเขา
“พ่อเป็นเหมือนที่คนที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับผม เขาผลักดันผมอย่างเต็มที่ในการเป็น นักฟุตบอลอาชีพ ผมได้รับข้อความมากมายจากทุกช่องทางทั้ง อินสตาแกรม, ว๊อทซ์แอพ หรือว่าใน สแนปแชท ผมโทรหาพ่อผ่านทาง เฟซไทม์ และเขาภูมิใจในตัวผมอย่างมาก และผมก็ดีใจมากที่เขาทำให้ ผมมีความสุข แต่ยังไม่ทันไรก็ต้องวางแล้ว เพราะผมต้องไปลงแช่น้ำแข็ง หลังจบเกม เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย”
การเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ช อย่าง อูไน อเมรี่ มาเป็น เฟรดริก ลุงเบิร์ก จนกระทั่งมาถึง มิเคล อาร์เตต้า พัฒนาการของเขายังคงเดินหน้าต่อไป โค้ชทุกคนต่างให้โอกาสกับเขาเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ซาก้า ในช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว กลับมีปัญหาเล็กน้อย เมื่อสัญญาของเขากำลังจะหมดลงในเดือนมิถุนายน 2020
“ลิเวอร์พูล” เป็นสโมสรที่แสดงความสนใจในตัวของ ซาก้า เช่นเดียวกับอีกหลายสโมสร ที่จับตามองเขาในฐานะ นักเตะ ของดาวรุ่งพุ่งแรงคนหนึ่ง
“ตอนนั้น ทุกคนในสโมสรต่างพูดถึงเรื่องนี้ เกี่ยวกับสัญญาของเขาว่าเขาจะต่อสัญญาใหม่หรือไม่” มาร์คค ฮาร์วีย์ เพื่อนสนิทของ ซาก้า กล่าว โดยเขาระบุว่า ซาก้า ยังคงติดต่อกัน อาจารย์ และเพื่อนสมัยเรียนที่ กรีนฟอร์ด อยู่ดังเดิม แม้ว่าเขาจะกลายเป็น นักเตะ อาชีพไปแล้ว แต่ถ้าเทียบอายุกับเด็กทั่วไป เขาเพิ่งจะจบมัธยมปลายมาได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น
“บูคาโย่ เป็นคนติดดิน และทุกคนก็ยังคิดว่าเขาไม่ได้ต่างจากสมัยก่อนเลย เขามางานเลี้ยงอำลาครูเกษียณ และก็ยังสนุกสนานกับทุกคนตามปกติ เขาเป็นเด็กคนหนึ่ง ที่มีความสามารถในเรื่องของ กีฬา เขาชอบเล่นบาสเกตบอลมาก และผมก็สนับสนุนเขา แต่สุดท้ายแล้ว เขาตัดสินใจเลือกเล่นฟุตบอล” มาร์ค ฮาร์วีย์ หนึ่งในคุณครูของ ซาก้า สมัยเรียน กล่าว
จากข้างต้นในเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาของ นักเตะเยาวชนของ อาร์เซนอล เป็นสิ่งหนึ่งที่สโมสรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขามีการกำหนดชัดเจนในเรื่องของ การแบ่งเวลาที่นักเตะจะต้องมีช่วงเวลา นอกเหนือจากการซ้อมฟุตบอล พวกเขาต้องการให้ นักเตะ มีสังคมทั้งในสโมสร รวมถึงภายในโรงเรียน เพื่อให้เมื่อเติบโตขึ้น นักเตะ จะมีทั้งสังคมภายในสโมสร และสังคมในโลก แห่งความเป็นจริงควบคู่กันไปด้วย และนั่นทำให้ ซาก้า ยังคงสนิทกับเพื่อนที่โรงเรียนอย่างมาก และยังสามารถใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป ที่สามารถออกจากบ้านไปเที่ยวในวันหยุด เข้าโรงภาพยนตร์กับเพื่อนได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าเมื่อถึงสุดสัปดาห์ ซาก้า ก็จะกลายเป็น นักเตะ อาชีพ ที่ลงทำหน้าที่ในสนามฟุตบอล อาชีพ ที่เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก
โปรดติดตามตอนต่อไป
Copyright © 2019 UFA6556 แทงบอลออนไลน์ มั่นคง ปลอดภัย อันดับหนึ่งเมืองไทย | All right reserved.