ufabet ทีเด็ด บอล วันนี้ ราคา บอล

คุยกับ “อาร์แซน” -Part 1-

     ช่วงนี้เราจะเจอกับ คอนเทนต์ ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ค่อนข้างเยอะนะครับ เนื่องจาก “เลอ โปรเฟสเซอร์”เพิ่งวางจำหน่ายหนังสือเล่มใหม่ เกี่ยวกับประวัติการทำงานของตนเอง “Arsene Wenger : My life in red and white” และแน่นอน งานนี้ก็เลยออกสื่อมากหน่อย

     เดวิด ออนสตีน และ ดิ แอตเลติก ได้โอกาส สัมภาษณ์ อาร์แซน เวนเกอร์ เกี่ยวกับหลากหลายเรื่องราวที่ผ่านมา เราขออนุญาตมาแปลให้อ่านกัน และข้อมูลบางส่วนจากความทรงจำของผู้เขียนเอง ประกอบกันในครั้งนี้

     อาร์แซน เวนเกอร์ นับจากออกจาก อาร์เซนอล เขาทำงานหลายอย่างไม่น้อย ในปีแรกหลังจากวางมือจากการคุมทีม เขาใช้เวลาหมดไปกับการพักผ่อนไปยังหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือการไปยัง ไลบีเรีย เพื่อพบกับ ประธานาธิบดี จอร์จ เวอาห์ ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของเขา สมัยลงเล่นกับ อาแอส โมนาโก รวมถึงการล่องเรือท่องเที่ยวกับคนในครอบครัว และอีกหลายสิ่งที่เขาอาจ ไม่มีเวลาว่างพอ จะได้ทำในระหว่างการคุมทีม “ปืนใหญ่”

     หลังจากนั้น เวนเกอร์ ใช้เวลากับการเป็นหุ้นส่วนของบริษัท PLAYMAKER ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับ เทคโนโลยีด้านการกีฬา ก่อนที่ล่าสุดจะรับงานกับ FIFA ในฐานะ Head of Global Football Development ในช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมา

คนที่ค่อนข้างเก็บตัว

     ไม่รู้เพราะเบื่อกับการทำงานคุมทีม 22 ปี หรือเปล่า ทำให้เขาไม่ค่อยออกพบกับสื่อมวลชนบ่อยนัก หากไม่จำเป็น เวนเกอร์ เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวมากคนหนึ่ง

      “มันไม่ใช้เรื่องปกติสำหรับผมนัก แต่มันเป็นสิ่งที่ สำนักพิมพ์ ก็ต้องการให้ผมออกมาพบกับสื่อ เพื่อช่วยในเรื่องของการโปรโมทหนังสือเล่มนี้ ผมมีความสุขกับงานนี้ เพราะผมเองก็ไม่ได้พบกับสื่อนานแล้ว แต่ก็คงจะใช้เวลาไม่ยาวนานนัก เพราะผมต้องการกลับไปทำงานกับ FIFA ต่อแล้ว ผมยังมีงานค้างที่ต้องทำต่อ”

     เวนเกอร์ห่างจากงานข้างสนามมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว (ประมาณ 2 ปี 5 เดือน นับจากอำลา อาร์เซนอล)สิ่งหนึ่งที่ ออนสตีน ยิงคำถามคือ ความรู้สึกของเขาเอง หลังจากอ่านหนังสือของเวนเกอร์ เขาได้พบว่า มันมีความรู้สึกโดดเดี่ยว และมีความเหงาอยู่ในหนังสือเล่มนี้อออกมาด้วย

     “ในการคุมทีม คุณต้องตัดสินใจ และฟังความเห็นจากคนรอบข้าง แต่ในบางเวลาเราก็ต้องเลือกตัดสินใจบนความไม่แน่นอนในสิ่งที่เลือก และนั่นคือความเครียดที่ผมได้เจอ รวมถึงเรื่องของความเครียด ที่เกิดจากแรงกดดันภายนอกด้วย บางครั้งสิ่งเหล่านั้นทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยว ตอนเราเลือกทีมก่อนลงแข่ง คืนวันศุกร์ เราจะคิดถึงผู้เล่น 8 คนที่จะลงเล่น และอีก 2-3 คนซึ่งคุณยังไม่แน่ใจนัก แต่สุดท้ายแล้วคุณก็ต้องเลือก มันเป็นหน้าที่ เราทำได้เท่านั้น”

     “อาร์เซนอล หรือการทำงานสโมสร คือการทำงานแบบตลอด 24 ชั่วโมง คุณอาจมีช่วงนอนหลับไป แต่เมื่อคุณตื่นขึ้นมา สิ่งแรกคือเรื่องการซ้อมในรอบต่อไป เกมต่อไป จะแข่งอย่างไร เล่นอย่างไร นั่นคือเวลาคุมทีม แต่เวลานี้ ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมแค่วิเคราะห์เกม ผมยังคงสนับสนุน อาร์เซนอล และผมดูทุกเกมเท่าที่ผมสามารถรับชมได้ ครั้งหนึ่งที่คุณมี “ความหลงใหล” เกิดขึ้นกับอะไรสักอย่าง เราก็จะตายไปพร้อมกับมันด้วย และสำหรับผมมันคือ “ความหลงใหล” กับเกมฟุตบอล และผมยอมรับว่ามันไม่สามารถเอามันออกจากชีวิตได้”

     “มันคงมีความคิดถึงอยู่แน่นอน และมันก็ยากสำหรับผม เพราะผมขับรถจากบ้านไปสนามซ้อมทุกวัน และคุณจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้วกับสิ่งที่ทำมาตลอด 22 ปี และผมทำทุกอย่างแล้วตลอด 22 ปีนั้น”

     “ผมไม่ได้ร้องไห้อะไรนะ ผมเสียใจ และไม่ได้รู้สึกนัก แต่ผมไม่ได้หดหู่ เพราะผมรู้สึกว่า การตัดสินใจที่แท้จริงอยู่ภายในตัวคุณ และผมรู้ว่า ผมรักสโมสรแห่งนี้ มันเป็นสิ่งที่ชัดเจน และซื่อสัตย์ตลอดการทำงานของสโมสร ผมรู้ผมก่อความ ผิดพลาด หลายครั้ง และผมเสียใจกับทุกความผิดพลาด แต่ในภาพรวมผมคิดว่า ตัวเอง ได้ทำทุกอย่างที่ดีที่สุดแล้วกับ อาร์เซนอล ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น ผมจึงสามารถอยู่ได้ต่อไป แม้จะไม่ได้ทำงานกับ อาร์เซนอลแล้ว ทุกวันนี้ ผมยังมีการคุยกับบางคนของสโมสร แต่ผมไม่สามารถบอกได้ว่า ผมคุยกับใครบ้าง”

ภาระกับหน้าที่ ที่ได้รับ

     ส่วนหนึ่งของหนังสือที่ออกมา เวนเกอร์ ได้มีการพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับว่า ครั้งหนึ่งเรื่องของการเงินของสโมสรที่ดีที่สุด และเขารู้สึกอย่างไรกับการที่สโมสรมีการปลดพนักงาน จำนวน 55 คน

     “สิ่งแรกที่ผมต้องการบอกเลยคือ ภาระเกี่ยวกับสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เงินจากการโทรทัศน์มีรายได้เข้ามาเพิ่มมากขึ้น แต่เรื่องการชำระหนี้สินในวันนี้มันน้อยมาก ณ.เวลานั้น (ช่วงมีหนี้สิน จากการสร้างสนามแข่งใหม่) เราจำเป็นต้องได้เงินจากการเข้าร่วม แชมเปี้ยนส์ ลีก เพื่อนำเงินมาชำระ หนี้สิน ผมเคยอธิบายแล้วบางครั้ง เรานำเงินออกจากเรื่องของ ฟุตบอล เพราะในปี 2008 และ 2009 เราได้นำเงินไปก่อสร้าง ปรับปรุงสนาม ไฮบิวรี่ ให้กลายเป็น อพาร์ทเมนต์”

     “ทั้งหลายทั้งปวง ผมบอกได้แค่ว่า วันนี้ ผมจากสนามแข่งที่ยอดเยี่ยม สนามซ้อมที่สุดยอด นอกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมคิดว่าเป็น สเปอร์ส ที่มีสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ”

     “รายได้ที่เข้ามา เราสามารถที่จะมีสมาธิกับการซื้อขาย นักเตะ มากขึ้น อาร์เซนอล ลงทุนการเงินไปเยอะมากในช่วงสองปีหลังสุด”

     เวนเกอร์ เป็นหนึ่งใน ผู้จัดการทีม ที่ได้ชื่อว่าใช้เงินน้อยมาก นับตั้งแต่มีการสร้างสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในปี 2006 เป็นต้นมา และหลายครั้งที่ อาร์เซนอล ต้องปล่อยตัว นักเตะ ตัวหลักออกจากทีม มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ และหากย้อนเวลาไปได้ จะย้ายสนามหรือไม่

     “มันไม่ใช่เงินของผม สำหรับผม ผมปฏิบัติกับสโมสรเหมือนกับเงินของผมเอง แต่ผมไม่ได้ใช้จ่ายเงิน เพราะ เราไม่ได้มีเงิน มันเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายมาก เวลานั้น ผมรู้สึกว่า ผมนำพาสโมสรผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เราก็ลงเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมในเวลาเดียวกัน”

     “ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของผมเพียงอย่างเดียว หากคุณพูดถึง “อนาคต” ไม่ใช่แค่ 12 ปีของผม แต่มันคืออีกหลายสิบปีข้างหน้า สนามเก่า ไฮบิวรี่ ไม่สามารถขยายหรือปรับปรุงอะไรได้แล้ว แม้กระทั่งจะเพิ่มที่นั่งอีก 5,000 ที่นั่งก็ไม่สามารถทำได้ สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม คือความจำเป็น มันไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีในเชิงบวกสำหรับผม เพราะผมเสีย ไฮบิวรี่ ไป แต่สโมสรจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปเพื่ออนาคต แต่วันนี้ผมคิดว่า สโมสรของเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีในระดับแถวหน้า”

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

Ads ทีเด็ด บอล เต็ง วันนี้ ฟุตบอล วันนี้